รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงสภาฯ ปัญหาเรื่องการศึกษา เป็นเรื่องที่เกิดมาก่อนรัฐบาลนี้มาบริหารยัน งบปี67 มุ่งแก้ ‘วิกฤตการศึกษา’ ชี้เป็นความท้าทาย ศธ.ไม่นิ่งนอนใจ มุ่งขยายโอกาส สนับสนุนการเรียนรู้ทุกช่วงวัย เตรียมฟื้น ‘สอบเทียบ’วอนสภาหนุน
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 16.05 น. พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) ชี้แจงในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 วาระแรกของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร หลังนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ 2 สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)
โดยยืนยันว่า ตนเองรับทราบความห่วงใย และความต้องการ ที่ต้องการให้กระทรวงศึกษาธิการ เร่งพัฒนาปรับปรุง ทั้งการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็ก หนี้สินครู การพัฒนากำลังคนสายอาชีวศึกษา การสร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา การสนับสนุนงบประมาณด้านการศึกษา การสนับสนุนค่าใช้จ่ายโครงการอาหารกลางวัน
ซึ่งปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ก็เป็นปัญหาสะสมก่อนที่รัฐบาลนี้จะเข้ามาบริหาร พร้อมขอบคุณความห่วงใยและข้อแนะนำจากทั้ง 2 สส. แต่ความท้าทายของการศึกษาในปัจจุบันที่ต้องดำเนินงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหา คือ การสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา, ผลคะแนนสอบที่ลดลง
เช่น คะแนน PISA2022 หรือทักษะความสามารถด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ, ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็ก, มีครูไม่ครบชั้น, ปัญหาสวัสดิภาพ และสวัสดิการครู และบุคลากรทางการศึกษา, ปัญหาเด็กหลุดออกนอกระบบการศึกษาจากสภาวะเศรษฐกิจ งเป็นประเด็นหลักที่รัฐบาลนำมาเป็นแนวคิดในการกำหนดงบประมาณ เพื่อดำเนินการแก้ไข พัฒนาคุณภาพการศึกษาภายใต้ข้อจำกัด
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ยังยืนยันว่า กระทรวงศึกษาธิการ พยายามสร้างโอกาสความเท่าเทียมทางการศึกษา โดยนำเทคโนโลยีอุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก เข้ามาช่วยในการลดข้อจำกัดด้านงบประมาณ เพื่อให้ผู้เรียนที่มีความแตกต่างทางด้านรายได้หรือสถานะอยู่ห่างไกล ได้เข้าถึงการศึกษา ได้น้อมนำแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 เรื่องการศึกษาทางไกลมาแก้ปัญหาครูไม่ครบชั้น
พร้อมยังได้กำหนดนโยบาย “เรียนดีมีความสุข” ให้สามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา จัดทำแพลตฟอร์มการเรียนรู้ผสมผสาน เกิดการเรียนการสอนแบบไฮบริด เพื่อขยายการเรียนรู้ให้คนทุกช่วงวัยมีโอกาสในการศึกษา เข้าถึงเนื้อหาสาระที่มีคุณภาพ และพัฒนาการศึกษาผ่านระบบการสะสมหน่วยกิตการเรียนรู้ และเตรียมนำระบบสอบเทียบกลับมาใช้ เพื่อแก้ปัญหาให้ผู้ที่ศึกษานอกระบบสามารถกลับมาสอบเทียบได้
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ยังกล่าวถึงงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการว่า ในปีนี้รัฐบาลได้ปรับเพิ่มงบประมาณขึ้นมาอีก 0.31% ซึ่งในโครงสร้างงบประมาณ พบว่า งบประมาณส่วนใหญ่ เป็นงบบุคลากร และงบเงินอุดหนุน และมีงบค่าใช้จ่ายอื่น ๆ และงบลงทุนเป็นบางส่วน ซึ่งอยู่ในระดับน้อย
และจากที่ได้มีสมาชิกอภิปรายก็คงเห็นว่ามันเป็นปัญหา แต่ตนและทีมงานเชื่อว่าสิ่งนี้คือความท้าทาย แต่กระทรวงศึกษาธิการมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำให้นโยบายดังกล่าว สำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ จึงหวังว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ฉบับนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง