เรียนดี มีความสุข ‘นโยบายการศึกษา’ พบแจก ‘แท็บเล็ต’ ให้ครูและนักเรียน

‘ครูอุ้ม’ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) พร้อมด้วย ‘ครูเอ’ สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมช.ศธ.) เดินทางเข้ากระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2566  เพื่อปฏิบัติหน้าที่หลังจาก รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปเมื่อ11-12 ก.ย. 2566 

 

 

พล.ต.อ.เพิ่มพูน สวมบท ‘เสมา1’ เป็นประธานประชุมมอบนโยบายการศึกษาและแนวทางการขับเคลื่อน นโยบายเรียนดี มีความสุข ให้ข้าราชการทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ 

 

โดยผู้บริหารส่วนกลาง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาฯ กรุงเทพมหานคร ส่วนผู้บริหารในส่วนภูมิภาค เข้าร่วมประชุมออนไลน์ผ่านระบบ Zoom Meeting ประกอบด้วย  ศึกษาธิการภาค/ศึกษาธิการจังหวัด,ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา/มัธยมศึกษา, ผู้อำนวยการอาชีวศึกษาจังหวัด, ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัด, ประธานกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชนจังหวัด

 

พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  กล่าวมอบนโยบายการศึกษา และแนวทางการศึกษาโดยเป็นการการขับเคลื่อนนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” โดยแบ่งเป็น 2 หลัก คือ การศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ และการศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิต แบ่งเป็น

 

ลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา

• โดยการปรับวิธีการประเมินวิทยฐานะครูและบุคลากรทางการศึกษา ลดขั้นตอนมุ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน
• ครูและบุคลากรทางการศึกษาคืนถิ่น เช่น โยกย้ายกลับภูมิลำเนา ด้วยความโปร่งใส ไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง)
• รวมถึงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา
• ตลอดจนจัดหาอุปกรณ์การสอนและสวัสดิการ(1 ครู 1 แท็บเล็ต)

 

 

ลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง

• เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) เรียนฟรี มีงานทำ “ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง” มีระบบหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ โดยผู้เรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา (1 นักเรียน 1 แท็บเล็ต)
• 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ
• ระบบแนะแนวการเรียน (Coaching) และเป้าหมายชีวิต
• การจัดทำระบบวัดผลรับรองมาตรฐานวิชาชีพ (Skill Certificate) ผู้เรียนสามารถเพิ่มเพื่อรับประกาศนียบัตรในการประกอบอาชีพ
• การทำระบบวัดผลเทียบระดับการศึกษาและประเมินผลการศึกษา เพื่อให้ผู้เรียนที่มีความสามารถเป็นเลิศไม่ต้องเสียเวลาในระบบประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย
• มีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ (Learn to Earn)

 

 

อย่างไรก็ตาม การแจกแท็บเล็ต เป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว และตอนนี้มาเป็นนโยบายของรัฐบาลและต้องดำเนินการให้สอดรับกัน

 

ต่อมาเมื่อเข้าไปตรวจสอบใน เฟซบุ๊ก ศธ.360 องศาพบว่า โพสต์เกี่ยวกับนโยบายการศึกษาได้ถูกลบไปแล้ว

 

 

สำหรับนโยบายแจก ‘แท็บเล็ต’ ไม่ใช่เรื่องใหม่ในกระทรวงศึกษาธิการ เพราะหากย้อนกลับไปในสมัยรัฐบาล ‘ปู’ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยดำเนิน นโยบาย “1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน” หรือ “One Tablet Per Child (OTPC)”

 

 

โดยได้จัดซื้อแท็บเล็ตจาก บริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก เดเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในราคาเครื่องละ 82 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2,674 บาท รวมค่าขนส่ง แจกให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1(ป.1) ของโรงเรียนทุกสังกัดจำนวน 856,886 เครื่อง และนักเรียนชั้น ม.4 รวมวงเงินเกือบ 6,000 ล้านบาท  แต่เกิดรัฐประหารใน ปี2557 ทำให้โครงการจัดซื้อแท็บเล็ตแจกเฉพาะนักเรียนถูกยกเลิกไป

 

 

สรุปสาระสำคัญนโยบายการศึกษา ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ปักธงนโยบายลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา  ด้วยการปรับวิธีการประเมินวิทยฐานะครูและบุคลากรทางการศึกษา ลดขั้นตอน มุ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาคืนถิ่น โดยการโยกย้ายกลับภูมิลำเนาเดิมด้วยความโปร่งใสไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง แก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา จัดหาอุปกรณ์สอนและสวัสดิการ 1 ครู 1แท็บเล็ต