ข่าว

เสียงกู่ร้องจาก ‘ครู’ ถึงรัฐบาลเพื่อไทย หนุน ‘สุทิน คลังแสง’ นั่ง รมว.ศธ.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เสียงกู่ร้องจาก ‘ครู’ 5 ข้อถึงรัฐบาลเพื่อไทย พื้นฐานของชีวิตที่มั่นคงคือการศึกษา เผยผลสำรวจหนุน ‘ดร.สุทิน คลังแสง' นั่งรมว.ศธ. เป็นคนรอบรู้ นิ่งเป็น รู้-เข้าใจขรก. เชื่อมั่นแก้ไขปัญหาการศึกษาได้

นายสานิตย์ พลศรี นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากครู ผู้ปกครอง นักเรียน และตัวแทนขององค์กรครูทั่วทุกภูมิภาคเป็นจำนวนมาก ขอให้นายสานิตย์ พลศรี นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ เป็นตัวแทนของทุกฝ่ายได้นำเสนอพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะทุกรัฐบาลที่ผ่านมาไม่เคยให้ความสำคัญด้านการศึกษาทั้งๆ ที่การศึกษามีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาประเทศชาติ 

 

ดร.สุทิน คลังแสง  รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตผู้นำฝ่ายค้าน

กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)จึงกลายเป็นกระทรวงที่ไม่มีใครอยากเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ สุดท้ายก็โยนให้เป็นโควตาพรรค และไม่เคยให้ความสำคัญต่อตัวบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) แต่กระทรวงอื่นทุกคนทุกพรรคกลับแย่งกันอย่างเห็นได้ชัด 

 

ยิ่งกระทรวงที่มีงบประมาณมากๆ กลับแย่งกันเป็นรัฐมนตรี ประเทศชาติจึงล้าหลังด้วยการพัฒนาคนมาโดยตลอด

 

จากกระแสการเรียกร้องที่ได้รับมา คนในวงการครู วงการศึกษา ผู้ปกครอง นักเรียน เป็นจำนวนมากมีแนวคิดเห็นที่ตรงกันในหลายๆ ประเด็นดังนี้

 

1.ขอให้พรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบการศึกษาของชาติเพราะที่ผ่านมาการศึกษาของชาติตกต่ำมาก

 

2.ขอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้ชายและเคยมีประสบการณ์ในการประกอบอาชีพครูมาก่อน เพราะคนมีประสบการณ์จะสามารถจัดการศึกษาได้ดีกว่า ผู้ชายจะมีความเข้มแข็งกว่าหลายด้าน

 

3.คนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ต้องเป็นที่ยอมรับของสังคมและชาวกระทรวงศึกษาธิการ มาแล้วต้องทำให้กระทรวงศึกษาธิการดีขึ้น ไม่ใช่ตกต่ำไปยิ่งกว่าเดิม

 

4.เมื่อเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแล้ว นโยบายด้านการศึกษาต้องเป็นคนคิดและทำนโยบายโดยไม่ต้องอาศัยกลุ่มบุคคลในกระทรวงคิดให้ เพราะหากทำตามบุคคลกลุ่มนี้รัฐมนตรีจะตกเป็นเครื่องมือบุคคลกลุ่มนี้ในทันที

 

5.พรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ต้องให้ความสำคัญในการจัดการศึกษาให้มากที่สุด เพราะพื้นฐานของชีวิตที่มั่นคงคือการศึกษา

 

ที่ผ่านมาการจัดการศึกษาขาดเอกภาพทางด้านวิชาการแต่ ทุกคน ทุกฝ่าย ทุกสำนัก เน้นการบริหารงานบุคคล และเน้นการจัดการฝ่ายแผนมีการบริหารงานที่ขาดหลักธรรมาภิบาล กลายเป็นเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล หลายเรื่อง เช่น ต้องการปรับหลักสูตรการศึกษา จัดสรรงบประมาณไม่โปร่งใส 

 

 

ข้าราชการระดับ ผอ.เขต อยู่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ต่อวาระแล้วต่ออีก กลายเป็นผู้มีอิทธิพลแอบแฝง จัดสรรงบประมาณเหลือจ่าย มีปัญหามีการล็อคสเปก ร้องเรียนไปก็ไม่ตรวจสอบ กลับเอาเรื่องร้องเรียนไปให้ผู้ถูกร้องจนต้องมีการร้องเรียนไป ป.ป.ช. มีการทุจริตแอบอ้างว่าทำประชาพิจารณ์ในการจัดตั้งหน่วยงานใน ก.ค.ศ. 

 

 

ที่สำคัญที่สุด ประกาศผลสอบ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา โดยอ้างว่า ประมวลผลผิดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการก็ไม่แก้ปัญหา แถมลดเกณฑ์การตัดสินผลสอบ ผอ.เขต คะแนนภาค ก. จาก 60% ให้คงเหลือ 50% โดยไม่มีเหตุผล แต่เวลาสอบครูผู้ช่วยยังคงเกณฑ์ไว้ 60%

 

 

“คนในกระทรวงศึกษาธิการ ครู ผู้ปกครอง นักเรียน จำนวนมาก สุดจะทนต่อการบริหารของ ศธ. มาโดยตลอดจึงได้มอบหมายให้ผมออกมาเป็นตัวแทนเสนอรัฐบาล” นายสานิตย์ กล่าวสรุป

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ในฐานะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ส่วนมากลงตัวหมดแล้ว และมีแนวโน้มว่า ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จะมาจากพรรคเพื่อไทย และคาดว่าจะเป็น ดร.สุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งจากการสำรวจความคิดเห็นของ ครู องค์กรครู ผู้บริหารสถานศึกษา ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถเข้าใจปัญหาการศึกษาได้เป็นอย่างดี เป็นคนที่มีเครือข่ายคอนเนกชั่นมาก เชื่อมโยงกับทุกหน่วยงาน ที่สำคัญเป็นคนฉลาดหลักแหลม เป็นคนนิ่งเป็น ผ่านงานการเมืองมายาวนาน และที่สำคัญไม่มีประวัติเสื่อมเสีย ฯลฯ 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ