ข่าว

คิดฟื้นชีวิตเรียนรู้ใหม่หนุน "เด็กไทย" ก้าวทันโลก 5 ข้อก้าวข้ามความท้าทาย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชวนพรรคร่วม คิดฟื้นชีวิตเรียนรู้ใหม่หนุน "เด็กไทย" ก้าวทันโลก เผย 3 อุปสรรคทำการศึกษาไทยถดถอย พร้อมแนะ 5 ข้อก้าวข้ามความท้าทาย

ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2562 ภาคีเพื่อการศึกษาไทย (Thailand Education Partnerships: TEP)ได้จัดเวทีเสวนา "ชวนพรรคร่วมคิด พลิกห้องเรียน เปลี่ยนไทยทันโลก" โดยวิเคราะห์ 3 ปัญหาเก่าของระบบการศึกษาไทยที่จำเป็นต้องแก้ ทั้งปัญหาคุณภาพของระบบการศึกษาโดยรวมที่อยู่ในระดับต่ำ

 

ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ในระดับสูง และการขาดประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร รวมทั้งนำเสนอ 2 ความท้าทายใหม่ที่ต้องเผชิญคือ การที่สังคมทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว และการเข้าสู่ยุคแห่งความปั่นป่วนทาง เทคโนโลยี และเชิญชวน 7 พรรคการเมืองมาร่วมแลกเปลี่ยนเพื่อหาวิธีในการแก้ไขปัญหาเดิมและรับมือกับ ความท้าทายใหม่ดังกล่าว

นับตั้งแต่จัดเวทีพรรคการเมืองครั้งนั้นมาจนถึงปัจจุบัน ระบบการศึกษาไทย ก็เผชิญกับความท้าทายที่ยากยิ่งขึ้นจากการสูญเสียการเรียนรู้ในช่วงการระบาดของ โควิด-19 การที่เทคโนโลยีได้พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งทำให้ความสามารถในการปรับตัวได้ (Adaptability)และทักษะการคิดขั้นสูง (Higher-Order Thinking) มีความสำคัญเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และทำให้ประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิรูปการศึกษาเพื่อฟื้นชีวิตเรียนรู้ใหม่ หนุน "เด็กไทย" ก้าวทันโลก" อย่างเร่งด่วนมากยิ่งขึ้น
 

ภาพประกอบบทความเด็กไทยกับการศึกษา

 

ทั้งนี้ทิศทางการสร้างการเรียนรู้ (Learning Compass เพื่อรับมือกับโลกอนาคตคือ การพัฒนาให้เด็กไทยมีเจตคติและคุณค่า (Attitude and Value) ทักษะ (Skil และความรู้ (knowledge) ที่เหมาะสมและสามารถนำองค์ประกอบเหล่านี้มาผสมผสานกันจนเกิดเป็นสมรรถนะ (Competency) ซึ่งทำให้สามารถ แก้ไขปัญหาต่างๆ และอยู่รอดในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทายได้อย่างมีคุณค่า

 

1. ความถดถอยของการเรียนรู้ในช่วงโควิด-19 ระบาด

องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) รายงานว่า รัฐบาลใน 188 ประเทศได้ ประกาศปิดโรงเรียนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้เด็กและเยาวชน 1.5 พันล้านคนไม่ สามารถเข้าเรียนได้แบบปกติ เด็กและเยาวชนไทยก็ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการปิดโรงเรียน เช่นเดียวกับเด็กทั่วโลกจากการเรียนรู้ที่ถดถอยลงและการหลุดออกนอกระบบการศึกษามากขึ้น ซึ่งทำให้ คุณภาพการศึกษาลดลงและมีความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้นอีก

 

ระบบการศึกษาของไทยมีปัญหาเรื่องคุณภาพและความเหลื่อมล้ำมาตั้งแต่ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 แล้ว โดยผลการทดสอบ PISA 2018 ชี้ว่า เด็กไทยอายุ 15 ปี จำนวน 59.6% ไม่สามารถอ่านจับใจความได้  52.7% ไม่สามารถนำความรู้คณิตศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ที่ไม่ซับซ้อน และ 44.5% ไม่สามารถใช้ความรู้วิทยาศาสตร์มาอธิบายปรากฏการณ์ที่คุ้นเคยและไม่ซับซ้อนหมายความว่าขาดความเข้าใจพื้นฐานที่เพียงพอต่อการใช้งานจริง (Functionally illiterate) นอกจากนี้ยังพบว่ามีความเหลื่อมล้ำในการศึกษาเพิ่มขึ้นตามเวลา 

 

การระบาดของโควิด-19 ยังทำให้มีเด็กยากจนเพิ่มขึ้น และเสี่ยงต่อการหลุดออกจากระบบการศึกษาในช่วงชั้นรอยต่อ การสำรวจของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) พบความยากจนฉับพลันเพิ่มขึ้นในกลุ่มนักเรียนไทย โดยจำนวนเด็กยากจนพิเศษ (รายได้ครัวเรือนเฉลี่ยต่อคนต่ำกว่า 1,200 บาทต่อเดือน) ในภาคเรียนที่ 1 ในปีการศึกษา 2564 เพิ่มขึ้นจากในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ถึง 250,163 คน โดยมีรายได้ลดลงจาก 1,159 บาทต่อเดือน เหลือ 1,094 บาทต่อเดือน

 

2. ความท้าทายใหม่แห่งโลกอนาคต

ในอนาคต เด็กและเยาวชนไทยต้องมีสมรรถนะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็ว ไม่แน่นอนและซับซ้อนมากขึ้น ความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากวิกฤตส.ภาพภูมิอากาศและความเสื่อม โทรมของทัรัพยากรธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจสังคมอย่างรวดเร็ว รวมทั้งพัฒนาการอย่าง ก้าวกระโดดของเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ จะส่งผลให้ทักษะในการปรับตัวและความสามารถในการใช้ชีวิตให้อยู่รอดอย่างมีความสุขมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ระบบการศึกษาไทยจึงควรเร่งสร้างสมรรถนะใหม่ ๆ ที่จำเป็นให้เด็กไทย ได้แก่ 

 

วิกฤตสภาพอากาศและทรัพยากรณ์ธรรมชาติเสื่อมโทรม: จากการประเมินผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศพบว่า หากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 2.3 องศาเซลเชียสภายในปี 2050 ความสามารถของแรงงานที่ทำงานกลางแจ้งจะลดลง 7 -12% เพราะคนงานจะเหนื่อยง่ายและต้องพักถี่มากขึ้น อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นยังจะสร้างความผันผวนในการผลิตผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งทำให้รายได้ของเกษตรกรไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นด้วย 

 

การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี AI: การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เร่งให้โลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลรวดเร็วขึ้น เช่น จากการสำรวจหลังจากเกิดการเริ่มแพร่ระบาดเป็นเวลาประมาณ 6 เดือน (ตุลาคม 2563) พบว่า ธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเร่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าเร็วขึ้นประมาณ 7 ปี ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญของรูปแบบการทำงานและการใช้ชีวิตในอนาคต

 

3. ความท้าทาย 4 ประการในการปฏิรูประบบการศึกษาไทย

 

การปรับหลักสูตรแกนกลางครั้งใหญ่ให้เอื้อต่อการเรียนรู้สมรรถนะ: หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของไทยที่ใช้อยู่ในปัจจุบันถูกใช้มาตั้งแต่ปี 2551 หรือผ่านมาแล้วเกือบ 15 ปี จึงค่อนข้างล้าสมัยและไม่ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้สมรรถนะที่จำเป็นต่างๆ  แม้ในปี 2560จะมีการปรับปรุงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภูมิศาสตร์ โดยเน้นสมรรถนะของผู้เรียนมากขึ้น 

 

การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กและบุคลากรครูเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ: การฟื้นฟูการเรียนรู้ที่ถดถอยและการสร้างสมรรถนะใหม่จำป็นต้องมีทรัพยากร ทั้งงบประมาณและบุคลากรครูที่เพียงพอทั้งในด้านจำนวนและคุณภาพ อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาจำนวนโรงเรียนขนาดเล็กได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการที่ประชากรวัยเรียนมีแนวโน้มลดลง โดยนักเรียนในสังกัด สพฐ. ลดลงจาก 7.2 ล้านคน ในปี 2556 เหลือ 6.5 ล้านคน ในปี 2565 ทำให้โรงเรียนสังกัด สพฐ. จำนวน 21,341 แห่ง จากทั้งหมด30,764 (ร้อยละ 69.4 มีนักเรียนลดลง และมีโรงเรียนขนาดเล็กเพิ่มขึ้นอีก 2,246 แห่ง การเปลี่ยนแปลงนี้ทำ ให้ต้นทุนต่อหน่วยในการจัดการศึกษาเพิ่มสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงการบริหารบุคลากรทั้ง การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นโจทย์ที่มีความสำคัญในการยกระดับ
คุณภาพการศึกษาโดยรวม อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปคือการบริหารบุคลากรครูที่ต้องโยกย้ายหรือเกลี่ยภายในหรือระหว่างเครือข่ายทั้งหลายอย่างเหมาะสม

 

การป้องกันการละเมิดสิทธิเสรีภาพของนักเรียน: อีกปัญหาหนึ่งในระบบการศึกษาไทยคือ การละเมิดสิทธิเสรีภาพของนักเรียน โดยโรงเรียนหลายแห่งใช้มาตรการรุนแรงจนเข้าข่ายละเมิดสิทธิเสรีภาพของเด็ก เพื่อให้เด็กปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือคำสั่ง แม้กระทรวงศึกษาธิการได้เคยประกาศห้ามลงโทษนักเรียนด้วยความรุนแรง [23] แต่ก็ยังปรากฎข่าวอยู่บ่อยครั้งว่า ครูกล้อนผมนักเรียนเพราะผมยาว หรือด่าทอนักเรียนด้วยถ้อยคำที่รุนแรง [24][25] หรือในบางกรณีก็รุนแรงถึงขั้นล่วงละเมิดทางเพศด้วย นอกจากนี้ การกลั่นแกล้ง (Bullying) กันเองระหว่างนักเรียนก็เป็นอีก

 

การปรับวัฒนธรรมการทำงานให้กล้าทำสิ่งใหม่: การปฏิรูปการศึกษาให้สำเร็จจำเป็นต้องอาศัยการทดลองทำสิ่งใหม่และการสร้างนวัตกรรมต่างๆ ทั้งในด้านวิชาการและการบริหาร ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ประกาศให้มี "พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา" เพื่อเป็นพื้นที่ทดลองนำร่องให้โรงเรียนและหน่วยงานในพื้นที่มีอิสระในการจัดการการศึกษามากขึ้น โดยปลดล็อกด้าน กฎระเบียบต่างๆ ทั้งในด้านวิชาการ การบริหารบุคลากร และการบริหารงบประมาณ 

 

ภาพประกอบบทความเด็ยไทย

 

4.ข้อเสนอแนะเพื่อก้าวข้ามความท้าทาย 

1.ควรเร่งปรับให้มีหลักสูตรแกนกลางใหม่ภายใน 3 ปี โดยออกแบบให้เป็นหลักสูตรที่อิงกับฐานสมรรถะ จากการเปิดให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร และไม่ยอมให้กลุ่มผลประโยชน์บางกลุ่มสามารถยับยั้งการปรับหลักสูตรได้ 

 

2.กำหนดนโยบายให้กระทรวงศึกษาธิการมีเป้าหมายและแผนการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กที่ชัดเจน โดยอาจนำข้อเสนอของธนาคารโลกเป็นจุดตั้งต้น และเสริมด้วยการให้แรงจูงใจแก่ครูในการย้ายไปสอนในโรงเรียนฮับ (Hub School) หรือโรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่ ห่างไกล (Small Protected School โดยพิจารณาปรับเกณฑ์การประเมินเลื่อนขั้นเงินเดือนหรือวิทยฐานะของครู

 

3.กำหนดนโยบายให้กระทรวงศึกษาธิการและประสานหน่วยงานต้นสังกัดสถานศึกษาอื่น ให้ทบทวนและยกเลิกโครงการต่างๆ ที่มีอยู่ ซึ่งไม่ตอบโจทย์การเรียนรู้ของนักเรียนหรือการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการสอนของครูตามหลักสูตรใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี 

 

4.ประกาศนโยบายไม่ยอมรับความรุนแรงในสถานศึกษาในทันทีที่รับตำแหน่ง และรณรงค์ให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องเข้าใจเรื่องสิทธิเสรีภาพของเด็ก ตระหนักถึงผลเสียจากการถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพต่อพัฒนาการของเด็ก และให้เด็กทราบแนวทางปกป้องตนเองหากมีการละเมิด ทั้งนี้กระทรวงศึกษาธิการสามารถ บูรณาการมาตรการที่มีอยู่แล้วเข้าด้วยกัน

 

5.สร้างตัวอย่างให้ผู้บริหารของกระทรวงศึกษาธิการมีวัฒนธรรมแบบใหมในการทำงานที่เปิดกว้างในการรับฟังความเห็น กล้าทดลองสิ่งใหม่ ไม่สั่งการจากเบื้องบนลงไปโดยไม่เข้าใจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อโรงเรียน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการอาจแสดงตัวอย่างโดยการไปรับฟังสภาพปัญหาของโรงเรียน ให้กำลังใจและสนับสนุนการดำเนินการของโรงเรียน และอาจจัดให้มีพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเผยแพร่นวัตกรรมของครู

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ