“ราชภัฏบ้านสมเด็จ” พลิกโฉมดูแล “ผู้สูงอายุ”ให้อสม.อย่างครบวงจร

รศ.สายัณ พุทธลา รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา(มบส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางศูนย์การศึกษาอู่ทองทวารวดี มบส. จังหวัดสุพรรณบุรี ได้จัดโครงการพัฒนาเครือข่ายแกนนำและยกระดับศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านในการดูแลผู้สูงอายุ ภายใต้หลักสูตรระยะสั้นการพัฒนาศักยภาพ Caregiver จำนวน 70 ชั่วโมง ของกรมอนามัย เพื่อพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณาสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.),อาสาสมัครสาธารณสุข หรือเป็นการ Up skil Re skill ให้มีทักษะในการดูแลผู้สูงอายุอย่างเป็นองค์รวม รวมถึงพัฒนารูปแบบ

“ หรือพลิกโฉมในการดูแลผู้สูงอายุของ อสม. การสร้างนวัตกรรม application ในการดูแลผู้สูงอายุในพื้นที่ และพัฒนาเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นในการดูแลผู้สูงอายุ รวมไปถึงการพัฒนา Appication Caregiver สำหรับอำนวยความสะดวกในงานบริการด้านสุขภาพ”รศ.สายัณ กล่าว

ด้าน ผศ.ดร.ปณิตา แจ้ดนาลาว ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาอู่ทองทวารวดี มบส. จังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า ส่วนกลุ่มเป้าหมายของผู้ที่จะเข้าอบรมได้แก่ กลุ่ม อสม. อาสาสมัครสาธารณสุข และประชาชนทั่วไปอายุ18 ปีขึ้นไปที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร

โดยแบ่งการอบรมเป็น 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นที่ 1 อบรมไปเมื่อเดือนธันวาคม2565 จำนวน 35 คน รุ่นที่ 2 จะอบรมเดือนพฤษภาคม 2566 จำนวน 35 คน และรุ่นที่3 อบรมเดือนมิถุนายน 2566 จำนวน 70 คน 

สำหรับเนื้อหาของหลักสูตรที่ใช้ในการอบรม เช่น การให้ความรู้เกี่ยวกับความจำเป็นของการดูแลผู้สูงอายุ ,การช่วยเหลือผู้สูงอายุเบื้องต้น, การปฐมพยาบาลผู้สูงอายุ,การเคลื่อนย้ายผู้สูงอายุ ,การช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ การใช้ยาในวัยสูงอายุ,การสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ,สุขภาพจิตกับผู้สูงอายุ ,การดูแลตนเองเพื่อคลายเครียด,การจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม,ภูมิปัญญาชาวบ้านกับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ,สิทธิผู้สูงอายุตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายแรงงานที่ควรรู้,บทบาทและจริยธรรมของผู้ดูแลผู้สูงอายุ,การจัดกิจกรรมนันทนาการเพื่อผู้สูงอายุ เป็นต้น

“จากการอบรมครั้งที่1 ที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก กลุ่ม อสม.ให้ความสนใจเข้าร่วมและทำกิจกรรมด้วยความกระตือรือร้น เพราะการอบรมจะมีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ซึ่งเป็นเรื่องประโยชน์โดยตรงกับอสม. และผู้สูงอายุ ที่สำคัญเป็นเรื่องใกล้ตัวและต้องนำมาใช้ในชีวิตจริงประจำวันจริงๆ เชื่อว่าการอบรมในครั้งต่อๆไปจะได้รับความสนใจเช่นเดิม”ผศ.ดร.ปณิตา กล่าว