จากเด็กที่เป็นผู้เสพในตอนแรก ต่อไปจะกลายเป็น เด็กส่งยา เป็นผู้จำหน่าย และพร้อมเลื่อนขั้นเข้าสู่วงการค้าขายยาเสพติดชนิดอื่นๆ ต่อไป ถามใคร "ด้อยค่าเด็ก"
ผลกระทบจาก นโยบาย “กัญชาเสรี” ของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ปัจจุบันส่งผลอยากมาต่อเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่สามารถดำเนินการเอาผิดต่อผู้ที่ ครอบครอง จำหน่าย และเสพ กัญชาได้ เนื่องจาก กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด
ส่งผลให้มีการระบาดของ กัญชา และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชา ในสถานศึกษาอย่างหนัก และด้วยการสนับสนุนโดยอ้อมของสื่อไอที ที่ทันสมัยทำให้มีการจำหน่ายกัญชาในรูปแบบออนไลน์ พร้อมกับอานิสงส์จากการ “เรียนออนไลน์” ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้นักเรียนเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่าย และขาดภูมิคุ้มกัน ทำให้ง่ายต่อการถูกชักชวนให้กระทำผิด
รวมทั้งผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ฝืดเคือง ทำให้ผู้ปกครองจำเป็นต้องทิ้งถิ่นฐาน ทิ้งเด็กให้อยู่กับญาติและ“ผู้สูงอายุ” จึงเป็นเหตุให้เด็ก ถูกชักชวนให้เสพกัญชาได้ง่ายขึ้นไปอีก
หลังจาก “เด็ก” เข้าร่วมเป็นผู้เสพในตอนแรก ต่อไปจะกลายเป็น “เด็กส่งยา” เป็นผู้จำหน่าย และพร้อมเลื่อนขั้นเข้าสู่วงการค้าขายยาเสพติดชนิดอื่นๆ ต่อไป
แม้ว่า กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) โดย “ตรีนุช เทียนทอง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ออกประกาศแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับกัญชาหรือกัญชงในสถานศึกษา ส่วนราชการ หรือหน่วยงานในสังกัดหรือในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2565
โดยที่เป็นการกำหนดมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังปัญหา ที่อาจเกิดจากการใช้ “กัญชา” หรือ “กัญชง” ในนักเรียน ในสถานศึกษา ประกอบกับประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 กำหนดให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ไม่สามารถใช้และเข้าถึงกัญชาได้ จึงกำหนดแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับกัญชาหรือกัญชงในสถานศึกษา ส่วนราชการ หรือหน่วยงานในสังกัด และในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการให้เหมาะสม
แต่เป็นเพียงแนวปฏิบัติ ไม่ได้เป็นข้อห้ามหรือกฎหมายที่มีบทลงโทษแต่อย่างใด จึงทำให้ “ครู” ที่เป็นผู้ดูแลนักเรียน ไม่สามารถดำเนิการอย่างใดอย่างหนึ่งกับ “นักเรียน” ที่เสพกัญชาและนำกัญชาเข้ามาในโรงเรียนได้ นอกจาก ว่ากล่าวตักเตือนเด็กนักเรียน และเชิญผู้ปกครองมารับทราบ
สำหรับทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยิ่งไม่สามารถกระทำการใดได้เลย เพราะไม่มีอำนาจ จับกุม ตรวจค้น เพราะ “กัญชา” ไม่ใช่ยาเสพติด และที่สำคัญ นักเรียนเป็นเยาวชน ที่การดำเนิการตรามกฎหมายต้องอยู่ภายใต้การกำกับของสหวิชาชีพ และ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)
โลกความจริง มันโหดร้ายขึ้นเรื่อยๆ ก็ยังมีคนมาซ้ำเติม ความโหดร้าย ให้อีก เพื่อหวังเพียง หาเสียง และหาอำนาจทางการเมืองเสรีไม่ได้ดีเสมอไป
คงได้แต่นั่งมอง “เด็ก” อนาคตของชาติ ถูกด้อยค่าลงไปเรื่อยอย่างต่อเนื่อง ทุกวันและทุกวัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง