Lifestyle

ย้อนดูการศึกษาไทยในปีหนู สู่ปีวัวพันธุ์ดี ปีแห่งสมรรถนะ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ย้อนดูการศึกษาไทยในปีหนู เกิดแพลตฟอร์มการเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์ สู่ปีวัวพันธุ์ดี 2564 ปีแห่งสมรรถนะ

2563 ผ่านไป เป็นปีแห่งการปรับตัวและมองเห็นความท้าทายของการศึกษาในรูปแบบใหม่ คุณครูหลายท่านต้องเปลี่ยนบทบาทตัวเองให้ไฉไลสอดรับกับพฤติกรรมการเรียนรู้ที่เปลี่ยนแปลง

อ่านข่าว :  เด็กรอเก้อ เรียนออนไลน์ล่ม ทุกระบบ

หากมองย้อนไปตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 ใช่ว่าจะผ่านไปได้ง่าย ๆ เพราะเกิดปรากฏการณ์และวิกฤตการณ์ทั้งเก่าและใหม่ ให้คุณครูไทยของเราต้องฝ่าฟันกันมากเหลือเกิน

ปิดโรงเรียนตั้งแต่เดือนแรกของปี จากฝุ่น PM 2.5

เริ่มจากศึกเบา ๆ กันตั้งแต่ต้นปี ปัญหาฝุ่นละองและหมอกควัน PM 2.5 ที่ค่าเกินมาตรฐานลุกลามจากปี 2562 สร้างผลกระทบครอบคลุมในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อวิถีการใช้ชีวิตและดูแลสุขภาพของคนไทยทั้งประเทศ

สุดท้ายหลายโรงเรียนมีประกาศปิดการเรียนชั่วคราวทำให้การสอนต้องหยุดชะงัก งานเข้าคุณครูต้องจัดสรรตารางเวลาเรียนกันใหม่เพื่อชดเชยที่หยุดไปสำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้

วิกฤตไวรัสโควิด-19

“โรงเรียนอาจหยุดได้ แต่การเรียนรู้หยุดไม่ได้” นายณัฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) จากพรรคพลังประชารัฐกล่าว

เวลาผ่านไปยังไม่ทันข้ามเดือน วิกฤต PM. 2.5 ไม่ทันจะจางหาย วิกฤตใหม่ก็เข้ามาแทนที่ เมื่อองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ลงมติประกาศว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เป็นภัยพิบัติฉุกเฉินระดับโลกในวันที่ 31 มกราคม 2563 สร้างความตื่นตระหนกให้กับคนทุกวงการ

โรงเรียนหลายแห่งทั่วโลกประกาศงดการเรียนการสอน ไม่เว้นแม้ประเทศไทย นายณัฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ออกประกาศปิดการเรียนการสอนชั่วคราวทุกสถานศึกษา ทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นเหตุพิเศษตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2563

และตามมาด้วยมติครม.ประกาศเลื่อนเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2563 ออกไปเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 พร้อมนโยบายชัดเจนที่ต้องการให้การเรียนการสอนต้องดำเนินต่อไป แม้ว่าโรงเรียนจะไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนจากที่โรงเรียนได้ตามปกติ

 

New Normal นิยามการศึกษายุคใหม่สู่ความท้าทายและการปรับตัว

หากพิจารณาแล้ววิกฤตไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้ ทำให้สถาบันการศึกษาทั่วโลกเริ่มปรับรูปแบบการเรียนการสอน ให้ไปสู่การเรียนรู้ในรูปแบบของออนไลน์อย่างเป็นรูปธรรม

และนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการต่อยอดการศึกษาในอนาคต พฤติกรรมของครูไทยเราเองก็เปลี่ยนไป โรงเรียนหลายแห่งพร้อมใช้เทคโนโลยีมากขึ้น

และเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นของนวัตกรรมเพื่อการศึกษาในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งหากมองในแง่ดี วิกฤตครั้งนี้อาจเป็นเหมือนเคมีเร่งปฏิกิริยาให้โรงเรียนและครูไทยก้าวเข้าสู่การศึกษาในรูปแบบใหม่

แม้ยังขาดทักษะและความชำนาญในการใช้เทคโนโลยีอยู่บ้าง แต่สิ่งสำคัญคือการได้เริ่มก้าวไปสู่การเรียนรู้สิ่งใหม่ เพื่อผลลัพธ์สำคัญสุดท้ายคือเด็กไทย ผู้เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตของชาตินั่นเอง

 

ทางเลือกใหม่ของการเรียนรู้ กับแพลตฟอร์มออนไลน์

เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดการเรียนรู้นอกห้องเรียน หลายค่ายทั้งในไทยและต่างประเทศพร้อมใจกันเปิดตัวแพลตฟอร์มการเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์กันมากขึ้น

ล่าสุดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)  นำเสนอแพลตฟอร์มด้านการศึกษาใหม่ภายใต้ชื่อ DEEP (Digital Education Excellence Platform) ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยสร้างความเท่าเทียมของระบบการศึกษา

สร้างความยืดหยุ่นในการเรียนการสอน เกิดมิติการสร้างห้องเรียนแบบใหม่ Flipped Classroom หรือ ห้องเรียนกลับด้านที่ถูกนำมาเป็นโมเดลสำคัญเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ ฝึกฝน และค้นคว้าข้อมูลได้ด้วยตนเอง

โดยได้รับการสนับสนุนจากทางภาคเอกชนหลายแห่ง อักษร เอ็ดดูเคชั่น เองก็ได้รับเกียรติในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนแพลตฟอร์มด้านการศึกษาดังกล่าว ด้วยการเชื่อมต่อเข้ากับระบบของ Aksorn On-Learn ดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อการศึกษา

ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนทั้งผู้เรียนและผู้สอน มาในรูปแบบของ e-Book และคลิปวิดีโอ ใช้สื่อประกอบการเรียนรู้ในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ สื่อการเรียนรู้ Interactive 3D สื่อการเรียนรู้ Interactive Software ภาพยนตร์สารคดีสั้นเพื่อการศึกษา สไลด์ประกอบการสอน ไฟล์เสียงประกอบการสอน ทำให้ผู้เรียนเรียนสนุก ผู้สอนสอนสะดวก และสามารถจัดตารางการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง

ปีการศึกษาใหม่ แนวทางสู่การเรียนการสอนแบบฐานสมรรถนะ

2564 ปีการศึกษาใหม่ ทางภาครัฐเองก็มีแนวนโยบายปฏิรูปการศึกษาไทยด้วยแผนเปลี่ยนการจัดการเรียนการสอนเพื่อมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะหลักที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคใหม่

โดยมุ่งเน้นให้เด็กไทยรู้จักคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประยุกต์ใช้ และมุ่งสร้างองค์ความรู้ให้เกิดขึ้นได้ด้วยตนเองแทนที่การท่องจำเนื้อหาเพื่อใช้ในการสอบ และเปลี่ยนจุดเน้นจากที่เคยเป็นหลักสูตรที่เน้นเนื้อหา (Content – based)

ซึ่งมุ่งไปที่มาตรฐานและตัวชี้วัดจำนวนมาก ไปเป็นหลักสูตรที่เป็นฐานสมรรถนะ (Competency – based) คือ มุ่งไปยังพฤติกรรมที่ผู้เรียนโดยตรง ยึดที่ความสามารถที่ผู้เรียนพึงปฏิบัติได้เป็นหลัก เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเด็ก ๆ ของเราจะสามารถมีทักษะ องค์ความรู้ ที่พร้อมต่อยอดไปสู่การเป็นนวัตกรได้ต่อไปในอนาคต

การเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีเพียงองค์ความรู้ อาจไม่เพียงพอกับการดำเนินชีวิตในโลกยุคใหม่อีกต่อไป โลกที่เชื่อมถึงกันและกันแบบทุกวันนี้คนที่จะประสบความสำเร็จได้ จำเป็นต้องเข้าใจและหาทางข้ามเส้นขีดจำกัดของตนเองให้เจอ พร้อมที่จะต่อยอด และประยุกต์ใช้จากองค์ความรู้ที่มีอยู่อย่างตลอด

เรื่องโดย อักษร เอ็ดดูเคชั่น ภาพประกอบ ทีมกราฟิก คม ชัด ลึก ออนไลน์

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ