Lifestyle

สถานศึกษาตั้งรับสู้โควิด-19

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สถานศึกษาตั้งรับสู้โควิด-19 นศ.จีนชะลอกลับไทย-ตั้งศูนย์เฝ้าระวังสุขภาพ ชุลีพร อร่ามเนตร  [email protected]

 

 

          สถานการณ์โรคโควิด –19 ยังคงมีการระบาดอย่างต่อเนื่อง มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวัน กระทรวงสาธารณสุขขอความร่วมมือกับกระทรวงต่างๆ ในการดำเนินการตามมาตรการป้องกัน เฝ้าระวัง ควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดจนเข้าสู่ระยะที่ 3 (ปัจจุบันไทยอยู่ในระยะที่ 2)

 

 

          สำหรับสถาบันการศึกษานั้น ทั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีมาตรการในการเฝ้าระวัง ดูแลนักเรียนนักศึกษาอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาที่มีนักศึกษาจีน บุคลากรจีนมาเรียน มาทำงานอยู่จำนวนมาก


          มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) หนึ่งในสถาบันการศึกษาที่มีนักศึกษาจีนมาเรียนประมาณ 3,000 คน ซึ่งเมื่อมีเหตุการณ์โรคโควิด-19 ได้มีการกำหนดมาตรการที่เข้มข้นในการเฝ้าระวัง ดูแลนักศึกษาทันที 
      

          ผศ.ดร.ทัณฑกานต์ ดวงรัตน์ รองอธิการบดีสายงานสื่อสารแบรนด์ DPU กล่าวว่าตั้งแต่เกิดสถานการณ์และพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในประเทศไทย มหาวิทยาลัยได้มีการจัดทีมไปพบกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อไปหารือว่ามหาวิทยาลัยต้องเตรียมการ มีมาตรการเรื่องนี้อย่างไร เนื่องจาก DPU เป็นมหาวิทยาลัยที่มีความเป็นนานาชาติและจีนสูง มีนักศึกษาทั้งหมด 18,000 คน มีนักศึกษาจีน 3,000 คน ซึ่งมีความเป็นห่วงในเรื่องนี้มาก โดยหลังจากรับคำแนะนำ ได้ใช้ตึกอาคาร 14 ชั้น 1 เป็นศูนย์ควบคุมเฝ้าระวังและดูแล สุขภาพ ซึ่งจะมีแพทย์ พยาบาลเจ้าหน้าที่และเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ และเริ่มคัดกรองนักศึกษาจีนทุกคน และกลุ่มต่างๆ

 

 

สถานศึกษาตั้งรับสู้โควิด-19

ผศ.ดร.ทัณฑกานต์ ดวงรัตน์

 

 


        

          ถือเป็นความโชคดีที่ช่วงเกิดเหตุการณ์ เป็นช่วงปีใหม่ของจีน ซึ่งมีนักศึกษาจีนบินกลับบ้านไปฉลองปีใหม่ประมาณ 2,400 คน และมีอยู่ที่หอพักมหาวิทยาลัยเพียง 600 คน เราก็ได้คัดกรองนักศึกษาจีนที่ไทยทุกคน รวมถึงญาติของนักศึกษาจีนที่เดินทางมาเยี่ยมลูกหลานที่เมืองไทยด้วย โดยใครที่ไม่มีภาวะเสี่ยง ไม่เดินทางไปไหนและไม่มีญาติ หรือไม่ได้สัมผัสกับกลุ่มเสี่ยงใดๆ กลุ่มนี้จะได้รับพาสปอร์ตสีเขียว ใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ก็ให้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อเฝ้าระวังไปเรื่อยๆ

 


                มธบ.ใช้พาสปอร์ต3สีแยกกลุ่มเฝ้า่ระวัง
          "ส่วนกลุ่มที่มีภาวะเสี่ยง คือ มีญาติมาจากเมืองจีน จะออกพาสปอร์ตเหลืองให้ และต้องมาตรวจวัดไข้ 14 วัน ถ้า 14 วันไม่มีอาการใดๆ จะได้พาสปอร์ตเขียว และคนที่มีอาการไข้ ซึ่งพบ 2 ราย จะได้พาสปอร์ตสีชมพู และมหาวิทยาลัยได้ประสานไปยังสถาบันบำราศนราดูรเพื่อไปตรวจเช็คอย่างละเอียด พบว่าเด็กเป็นไข้หวัดปกติ แต่ก็ได้มีทีมแพทย์มาเฝ้าระวังดูแลอย่างใกล้ชิด”ผศ.ดร.ทัณฑกานต์ กล่าว
      

 

 

สถานศึกษาตั้งรับสู้โควิด-19

 

 

          นอกจากนั้น ในส่วนการจัดกิจกรรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัย ทุกกิจกรรมต้องได้รับการอนุมัติ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเป็นการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก ซึ่งอาจจะเป็นการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 และหากต้องมีจัดกิจกรรมจริงๆ มหาวิทยาลัยจะมีทีมเฝ้าระวัง ตรวจวัดไข้ และแจกหน้ากากอนามัย อาทิ งานรับปริญญา ส่วนงานอบรมต่างๆ จะมีการแจกหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ เน้นทำความสะอาดพื้นที่สัมผัสต่างๆ


          เรียนออนไลน์ชะลอนศ.จีนไม่ให้กลับ
          สำหรับนักศึกษาจีน 2,400 คน ที่อยู่ประเทศจีน ตอนนี้มหาวิทยาลัยได้มีการชะลอไม่ให้นักศึกษากลับมา และมีการจัดการเรียนการสอนแบบอีเลินนิ่ง เป็นการสอนทางไกล และส่งโปรเจคงาน จะไม่มีการสอบแต่เป็นการส่งงาน ส่วนจะเปิดภาคเรียนในเดือนพ.ค.นี้ก็หวังว่าจะพบวัคซีน หรือมีมาตรการให้นักศึกษาจีนได้กลับมาเรียน แต่หากไม่ได้มาเรียนมหาวิทยาลัยก็ได้เตรียมการในการดูแล เฝ้าระวังนักศึกษาจีน อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีเหตุฉุกเฉินเร่งด่วน สามารถติดต่อศูนย์ควบคุมเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพได้ที่ โทร.02-954-7300 ต่อ 830 หรือ 02-954-8643


          ม.เกริกหยุดเรียน-ชะลอกลับ
          ศ.ดร.นพ.กระแส ชนะวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกริก กล่าวว่าม.เกริก มีนักศึกษาจีนมาเรียนเป็นจำนวนหนึ่ง ซึ่งในช่วงแรกของการเกิดสถานการณ์โรคโควิด-19 เป็นช่วงตรุษจีน และนักศึกษาจีนเดินทางกลับประเทศจีนเพื่อไปฉลองกับครอบครัว จึงได้ขอให้นักศึกษาเลื่อนในการเดินทางกลับมาและหยุดเรียนไปก่อน แต่หากนักศึกษาคนไหนกลับมาก็ขอให้งดเข้ามหาวิทยาลัย ไปอีก 2 สัปดาห์ ให้เฝ้าระวังโรคครบ 14 วันของระยะฟักตัวถึงจะมาเรียน และเมื่อมาเรียนต้องมีใบรับรองแพทย์ หรือเอกสารยืนยันการปลอดเชื้อไวรัสโคโรนาด้วย 

 

สถานศึกษาตั้งรับสู้โควิด-19

ศ.ดร.นพ.กระแส ชนะวงศ์

 


          ห้ามนศ.จีนเที่ยว-รายงานตัวผู้ดูแลหอ   
          นอกจากนั้นในมหาวิทยาลัยได้มีการเฝ้าระวัง มีมาตรการการป้องกันโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรน่า อาทิ ห้ามนักศึกษาจีนที่อยู่ประเทศไทยไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวและต้องมารายงานตัวเซ็นชื่อกับหัวหน้าห้องและผู้ดูแลหอพักทุกวัน มีการออกกฏและข้อบังคับเกี่ยวกับการเข้าออกประเทศไทยของนักศึกษาและมาตรการการตรวจสอบสุขาภิบาลของห้องเรียนภายในมหาวิทยาลัย
     

          “มหาวิทยาลัยได้มีการจัดมาตรการ ทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคบริเวณรอบมหาวิทยาลัยอย่างทั่วถึง จะมีเจ้าหน้าที่ทำการวัดไข้ให้นักศึกษาทุกคนก่อนเข้าห้องเรียน และที่พักอาศัย จัดเตรียมหน้ากากอนามัยไว้บริการนักศึกษาฟรี และเน้นย้ำให้นักศึกษาใส่หน้ากากอนามัยเข้าเรียนทุกคน และได้ให้เจ้าหน้าที่ทุกคนมาทำงานตามปกติ และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะมหาวิทยาลัยให้ความสำคัญในการดูแล เฝ้าระวังทั้งนักศึกษาจีน นักศึกษาไทย และบุคลากรของมหาวิทยาลัยทุกคนด้วยมาตรการที่เข้มข้น” อธิการบดีม.เกริก กล่าว
      

 

 

สถานศึกษาตั้งรับสู้โควิด-19

 

 

          อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทุกมหาวิทยาลัยได้มีมาตรการในการดูแล เฝ้าระวังทั้งนักศึกษาจีน และนักศึกษา รวมถึงคณาจารย์และบุคลากรต่างๆ เช่นเดียวกับโรงเรียน และวิทยาลัยอาชีวศึกษา ที่ได้มีการเตรียมพร้อม เฝ้าระวัง ขอความร่วมมือไปยังผู้ปกครอง อาทิ ให้เด็กหลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยไอจาม หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด สวมใส่หน้ากากอนามัยมืออยู่ในที่ชุมชน กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ และขอให้ผู้ปกครองแจ้งมายังโรงเรียนหากเด็กเดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ให้หยุดเรียนครบ 14 วัน ตามระยะการฟักตัว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในเด็ก เป็นต้น

 

 

สถานศึกษาตั้งรับสู้โควิด-19

 


          การป้องกัน การเฝ้าระวัง การควบคุมโรคโควิด-19 ที่ดีที่สุด ต้องเริ่มจากทุกคนช่วยกันดูแลตัวเอง และหากมีภาวะความเสี่ยง มีอาการไข้หวัด ควรรีบไปพบแพทย์ หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด พื้นที่สาธารณะ และควรสวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ปฎิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ต้องร่วมด้วยช่วยกัน

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ