Lifestyle

ปริศนา...โคโรนาพันธุ์ใหม่ คำตอบที่ยังต้องรอจีนเฉลย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ปริศนา...โคโรนาพันธุ์ใหม่ คำตอบที่ยังต้องรอจีนเฉลย โดย...  พวงชมพู ประเสริฐ [email protected]

 

 


          ข้อมูลที่นานาประเทศรับรู้เกี่ยวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของประเทศจีนในขณะนี้ คือเกิดจากเชื้อ “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่” และมีผู้ป่วยยืนยันในจีน 41 ราย และเสียชีวิต 2 รายเป็นผู้สูงอายุเท่านั้น ส่วนความรุนแรงของโรคยังไม่มีรายงานเผยแพร่ ต้องรอให้ทางการจีนค่อยๆ ทยอยเปิดเผยข้อมูลออกมา

 

 

          แม้แต่องค์การอนามัยโลก หรือฮู ก็ยังไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้ว่า “โรครุนแรง” หรือไม่ โอกาสการแพร่กระจายเป็นอย่างไร ทำได้เพียงการให้ข้อมูลเชิงหลักวิชาการเท่านั้นว่า “มีโอกาสที่จะติดต่อจากคนสู่คน และคนในครอบครัว” เนื่องจากข้อมูลในประเทศจีนมีรายงานว่าพบสามีป่วยและภรรยาซึ่งไม่เคยออกไปไหนหรือไปในพื้นที่ระบาด มีอาการป่วยด้วย จึงอาจเป็นไปได้ว่า “เชื้อสามารถติดคนในครอบครัวได้” แต่ยังไม่มีรายงานที่ชัดเจน
  

 

 

ปริศนา...โคโรนาพันธุ์ใหม่ คำตอบที่ยังต้องรอจีนเฉลย

รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์

 

 

          รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ให้ข้อมูลว่า ไวรัสในตระกูลโคโรนา ปัจจุบันมี 6 สายพันธุ์ย่อย และตัวใหม่ที่เมืองอู่ฮั่นเป็นสายพันธุ์ย่อยที่ 7 ซึ่งในจำนวนนี้ 2 สายพันธุ์ ก่อโรครุนแรง คือ โรคซาร์ส อัตราเสียชีวิต 10% และเมอร์ส อัตราเสียชีวิต 30% อีก 4 สายพันธุ์ย่อยก่อโรคไม่รุนแรง โดย 30% ของผู้ป่วยที่เป็นหวัดเกิดจากเชื้อ 4 สายพันธุ์ย่อยนี้ เพราะมนุษย์รู้จักกับเชื้อเหล่านี้มานาน 50-60 ปี จนร่างกายมนุษย์สามารถสร้างภูมิต้านทานมาสู้กับเชื้อได้


          รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี อธิบายด้วยว่า เมื่อเจอเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่จะบอกว่าเชื้อรุนแรงหรือไม่ คือเมื่อเข้าสู่ร่างกายมนุษย์แล้วก่ออาการเจ็บป่วยในคนรุนแรงหรือไม่ ซึ่งข้อมูลที่รับรู้เกี่ยวกับสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยที่ 7 คือมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อและเสียชีวิตในจีนเพียง 2 ราย แต่ยังต้องรอการเปิดเผยข้อมูลว่าตัวใหม่นี้ที่สุดแล้ว จะอยู่ในกลุ่มที่ก่อโรครุนแรงหรือไม่รุนแรง และติดต่อจากคนสู่คนหรือไม่ อย่างไรก็ตามธรรมชาติของเชื้อโรคแม้จะก่อโรคไม่รุนแรง แต่หากปล่อยให้หมุนวนอยู่ในคน โอกาสที่จะกลายพันธุ์สามารถเกิดขึ้นได้

 

 

ปริศนา...โคโรนาพันธุ์ใหม่ คำตอบที่ยังต้องรอจีนเฉลย

 


          “ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ก่อให้เกิดโรคไม่รุนแรง หรือติอต่อจากคนสู่คนหรือไม่ ข้อมูลทั้งหมดยังอยู่ที่ประเทศจีน ส่วนในประเทศไทยพบผู้ป่วยเพียง 2 ราย และอาการไม่รุนแรง แต่การที่ไทยต้องยกระดับมาตรการเฝ้าระวังเป็นขั้นสูงสุดเพราะยังไม่รู้ว่าเชื้อนี้จะมีความรุนแรงหรือไม่ จึงต้องคิดว่าเชื้อมีความรุนแรงไว้ก่อน” รศ.(พิเศษ) นพ.ทวีกล่าว




          ขณะที่ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต และหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นว่า โรคปอดบวมอู่ฮั่น โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ การระบาดและการกระจายของโรคจะรุนแรงหรือกว้างขวางขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและอำนาจในการกระจายของโรค หรือที่เรียกว่า basic reproductive number ผู้ป่วย 1 คนกระจายโรคไปได้กี่คน ถ้า 3 คนตัวเลขนี้ก็จะเป็น 3 ถ้าโรคที่มีความรุนแรง การระบาดจะไม่กระจายมาก เพราะผู้ป่วยมีอาการรุนแรงไม่สามารถเดินทางไปได้ไกล เช่น อีโบลา (Ebola) ถ้ารุนแรงถึงเสียชีวิตมาก การกระจายก็จะน้อย เพราะไวรัสที่อยู่ในคนที่ป่วยรุนแรง และถึงเสียชีวิตก็จะจบอยู่ตรงนั้น  

 

 

ปริศนา...โคโรนาพันธุ์ใหม่ คำตอบที่ยังต้องรอจีนเฉลย

 


          อำนาจในการกระจายโรคหมายถึงผู้ป่วย 1 คนสามารถกระจายโรคไปได้กี่คน เช่น ซาร์ส มีอำนาจการกระจายโรคเท่ากับ 3 หมายความว่าผู้ป่วย 1 คน จะมีผู้มารับช่วงเป็นโรค 3 คน และจาก 3 คนก็จะเป็น 9 คน แต่เนื่องจากโรคซาร์ส รุนแรงเสียชีวิตถึง 1 ใน 3 และคนป่วยเกือบทุกคนต้องนอนโรงพยาบาล จึงทำให้สามารถควบคุมโรคได้และหมดไปในที่สุด ไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดทั่วโลก โรคไม่รุนแรงโอกาสเสียชีวิตน้อยมาก เมื่อเป็นแล้วยังสามารถเดินทางข้ามประเทศได้ง่ายโดยที่ไม่รู้ จึงมีการกระจายได้ทั่วโลก ทั้งที่อํานาจการกระจายโรคไข้หวัดใหญ่อยู่ที่ประมาณ 1.5 ถึง 2 เท่านั้นก็ยังระบาดใหญ่ทั่วโลกได้  


          โรคปอดบวมอู่ฮั่น ดูแล้วโรคไม่ดูแรง ผู้ที่เสียชีวิต 1 รายมีโรคประจำตัวอยู่ อัตราการกระจายโรคน้อยกว่า 1 เพราะยังไม่มีหลักฐานการติดต่อจากคนสู่คนก็ไม่น่าจะกระจายได้มาก ถ้ามีหลักฐานการติดต่อจากคนสู่คน และโรคไม่รุนแรง โรคนี้ก็จะพบได้ทั่วโลก และเป็นโรคทางเดินหายใจโคโรนาได้เช่นเดียวกับโคโรนาตัวอื่นที่พบได้บ่อยอยู่แล้ว หรือเหมือนกับไข้หวัดใหญ่ได้เช่นกัน
  

 

ปริศนา...โคโรนาพันธุ์ใหม่ คำตอบที่ยังต้องรอจีนเฉลย

 

 

          ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขมีการประเมินความเสี่ยงของประเทศไทย พบว่า การเดินทางจากเมืองอู่ฮั่นมายังประเทศไทย มีผู้โดยสารขาเข้าเฉลี่ยวันละ 1,200 คน ส่วนคนไทยเดินทางไปประเทศจีนประมาณปีละ 7 แสนคน และอยู่อาศัยในประเทศจีนประมาณ 12,000 คน โดยเป็นนักเรียนนักศึกษาประมาณ 2 ใน 3 ซึ่งเมืองอู่ฮั่นมีนักศึกษาไทยไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ส่วนคนจีนเดินทางมาประเทศไทยปีละประมาณ 10 ล้านคน จากประชากรประมาณ 1,400 ล้านคน


          สำหรับมาตรการเฝ้าระวังโรคและควบคุมโรคของประเทศไทย ประกอบด้วย 1.หารือกับสายการบินประเด็นการคัดกรองผู้เดินทางก่อนขึ้นเครื่อง และการทำความสะอาด การฆ่าเชื้อ ภายในเครื่องบินทุกเที่ยวบินที่มาจากเมืองอู่ฮั่น 2.คัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศใน 6 สนามบิน คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ และอู่ตะเภา 3.ขอความร่วมมือให้โรงพยาบาลคัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการไข้ร่วมกับมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ และมีประวัติการเดินทางไปเมืองอู่ฮั่น และ 4.การเฝ้าระวังในชุมชน โดยให้ความรู้ประชาชนเมื่อพบนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดของโรค มีอาการไข้ ร่วมกับมีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้แจ้งบุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค DDC Hotline 1422
   

          อย่างไรก็ตามในวันที่ไทยแถลงพบผู้ป่วยยืนยันรายแรก ดร.แดเนียล  เคอร์เทซ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ร่วมแถลงด้วยและชื่นชมประเทศไทยว่า  ประเทศไทยมีระบบการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมและรักษาที่น่าชื่นชม โดยสามารถตรวจคัดกรองและยืนยันผลการติดเชื้อทางห้องปฏิบัติการได้อย่างรวดเร็ว และขอให้ประเทศไทยแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันกับองค์การอนามัยโลก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเตรียมพร้อมมือโรค
  

          “ถึงวันที่ 17 มกราคม 2563 ประเทศไทยมีรายงานพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสนี้ 2 ราย เป็นชาวจีนทั้งคู่และเดินทางจากอู่ฮั่นเพื่อมาเที่ยว ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ และนายกรัฐมนตรีกำชับให้มีการเปิดเผยข้อเท็จจริง อย่าปิดบังหรือปรุงแต่งข้อมูล” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) กล่าว

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ