Lifestyle

องค์กรครูยกระดับเคลื่อนไหวค้านยุบ สพท. เล็งล่ารายชื่อ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

องค์กรครูยกระดับเคลื่อนไหวค้านยุบ สพท. เล็งล่ารายชื่อ รับฟังความคิดเห็นครูทั่วประเทศ โดย...  -ชุลีพร อร่ามเนตร [email protected] 

 

 

  

          ไม่ได้มาเล่นๆ สำหรับ “กลุ่มข้าราชการและบุคลากรของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ(สพท.)" ที่เดินหน้าให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ทำตามข้อเรียกร้อง ตั้งแต่ดำเนินการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ต้องการขอคืนใบประกอบวิชาชีพครู ไม่เอาใบรับรองความเป็นครู ขอตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษากลับมาคืนมา ไม่เอาตำแหน่งครูใหญ่ ขอพื้นที่ให้บุคลากรทางการศึกษาอื่นๆ และขอให้การปรับโครงสร้างของ ศธ. ไม่เป็นซิงเกิล คอมมานด์ รวมถึงขอแยกงานบุคคลออกจากคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.). และขอให้รัฐสภา และนายกรัฐมนตรี ออก พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่งที่ 19/2560 และที่ 16/2560 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)

 

 

 

          จนก่อให้เกิดการตั้งคณะทำงานจัดทำข้อเสนอโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ขึ้น ศึกษาวิเคราะห์ ทบทวน บทบาท ภารกิจ และการจัดทำโครงสร้างของ สพฐ. เพื่อให้เป็นตามแนวทางการวิเคราะห์ภารกิจภาครัฐ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ กฎหมาย นโยบายของรัฐบาล รองรับบริบทการเปลี่ยนแปลงการบริหารราชการแผ่นดิน และการปรับปรุงโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการ

 

 

 

องค์กรครูยกระดับเคลื่อนไหวค้านยุบ สพท. เล็งล่ารายชื่อ

 


          ล่าสุดคณะกรรมาธิการการศึกษาสภาผู้แทนราษฎรได้ประชุมพิจารณาข้อร้องเรียนของสมาคมนักบริหารการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งประเทศไทย พร้อมเครือข่ายเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างของศธ. โดยเชิญปลัดศธ.มาให้ข้อมูล โดยมีข้อสรุปดังนี้ ปลัด ศธ.ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ที่ประชุมกระทรวงศึกษาธิการครั้งที่ 1/62 เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2562 มีมติให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปยกร่างโครงสร้างของตนเองมานำเสนอครั้งต่อไป และที่ผ่านมายังไม่เคยคิดยุบ สพท. แต่ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ให้นโยบายซ้ำซ้อนให้แก้ไข


          ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการการศึกษาหลายท่านได้มีการซักถามถึงการยุบหรือไม่ยุบเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งปลัด ศธ. ได้ชี้แจงว่าสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งว่าถ้ามี กศจ. ก็ต้องไม่มี สพท. โดยหลังจากประชุมการปรับโครงสร้าง ศธ.ครั้งต่อไป จะเชิญมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการศึกษาอีกครั้ง

 

 

 

 

องค์กรครูยกระดับเคลื่อนไหวค้านยุบ สพท. เล็งล่ารายชื่อ

 


          “ธนชน มุทาพร”  ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยภูมิ เขต 1 และประธานชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการประชุมดังกล่าว องค์กรครูที่ออกมาเรียกร้องเรื่องนี้ มองว่าโดยรวม ศธ.มีธงจะยุบ สพท.แน่นอน เพียงแต่เห็นองค์กรครูออกมาเคลื่อนไหวจึงชะลอไว้ และถ้าพลังองค์กรครูอ่อนแอหรือหลงกลเมื่อใด เชื่อแน่ว่า กระทรวงจะเดินหน้าปรับโครงสร้างยุบสพท.ทันที 


          ดังนั้น หลังจากนี้ กลุ่มองค์กรครูจะมีการเคลื่อนไหวต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ จะมีการล่ารายชื่อครูและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง พร้อมจัดทำแบบสำรวจเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากครู 4 แสนคนทั่วประเทศ ฟังเสียงครูส่วนใหญ่ ประกอบกับการจัดทำข้อเสนอต่างๆ ว่าโครงสร้างควรจะเป็นอย่างไร เชื่อมั่นว่าครูจะเห็นด้วยกับการใช้ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ก่อนมีคำสั่งหัวหน้า คสช. แต่จะให้เพิ่มเขตมัธยมเพิ่มขึ้นครบทุกจังหวัดหรือใกล้เคียง

 

 

 

องค์กรครูยกระดับเคลื่อนไหวค้านยุบ สพท. เล็งล่ารายชื่อ

ธนชน มุทาพร

 


          “สำหรับโครงสร้างกระทรวงนั้น ยืนยันว่า จะขอเป็นโครงสร้างเดิม คือคงแท่ง สพฐ.ไว้เหมือนเดิม แต่ถ้ากระทรวงศึกษาธิการยังยืนยันจะให้ สพฐ.เป็นกรมในสังกัด สป.ศธ. พวกเราจะขอแยกตัวออกมาตั้งเป็นทบวงการศึกษาขั้นพื้นฐานทันที และขณะนี้ได้มอบหมายผู้รับผิดชอบไปยกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่เกี่ยวข้อง และจะเร่งเสนอกฎหมาย 2 ฉบับก่อน คือ พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่เกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษา คือคำสั่งที่ 16/2560 ยกเลิกทั้งฉบับ ส่วนคำสั่งที่ 19/2560 ปรับปรุง ยกเลิกเฉพาะ และ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 โดยจะขอแก้ไขเป็นรายมาตรา ที่เน้นแก้ไขงานซ้ำซ้อนกับ กศจ. ที่เกี่ยวกับงานบุคคล หลังจากนั้นจะมอบหมายผู้รับผิดชอบประสานงานกับแกนนำพรรคการเมืองทุกพรรค" ธนชน กล่าว


          อย่างไรก็ตาม เมื่อวัันที่ 6 พฤศจิกายน มีการประชุมสมาคมนักบริหารเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย สมาคมผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย สมาคมผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประเทศไทย และชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย ทีห้องประชุม 2 โรงเรียนตราษตระการคุณ จ.ตราด โดยมีนายไพศาล ปันแดน ผอ.สพป.สุพรรณบุรี เขต 1 นายกสมาคมนักบริหารเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุม


          ที่ประชุมมีการพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนการปรับปรุง โครงสร้างกระทรวงศึกษาขององค์กรครูสายงานผู้บริหารการศึกษา ซึ่งที่ประชุมมีมติให้แต่งตั้งคณะยกร่าง พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องทั้ง 4 ฉบับคือ 1.ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ 2.ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาขั้นพื้นฐาน 3.ร่างแก้ไขปรับปรุง 4.พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูฯ เป็นรายมาตราที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาความทับซ้อนระหว่าง สพท.และ กศจ. และให้มี อ.ก.ค.ศ.สพฐ.และ พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปการศึกษา

 

 

 

องค์กรครูยกระดับเคลื่อนไหวค้านยุบ สพท. เล็งล่ารายชื่อ

 


          โดยเฉพาะร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ให้คงไว้ใน 4 ประเด็นหลักคือ 1.คงไว้ซึ่งใบประกอบวิชาชีพครู 2.คงไว้ซึ่งตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา 3.กำหนดให้บุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค(2) ใน พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ให้ชัดเจน และให้มีเส้นทางความก้าวหน้าเช่นเดียวกันกับข้าราชการครู 4.ให้รัฐสภาเป็นผู้ออกกฎหมายระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ โดยยกเลิกหรือปรับปรุงมาตรา 99 ของร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ โดยให้เน้นการกระจายอำนาจ ให้ สพฐ. เขตพื้นที่การศึษา และสถานศึกษาให้เข้มแข็ง ตามแนวทาง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 คือให้คงแท่ง สพฐ.ไว้เหมือนเดิม ตามหลักการ มีเอกภาพตามนโยบาย แต่หลากหลายการปฏิบัติ


          รวมทั้งเสนอให้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 133 (3) คือการเข้าชื่อเสนอกฎหมายสองฉบับก่อน คือ พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปการศึกษา และร่างแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครู ฯ รายมาตรา โดยจะทำควบคู่กันกับการเสนอตามมาตรา 133 (1) (2) ของรัฐธรรมนูญ


          นอกจากนั้นเมื่อเร็วๆ นี้ สมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย (ส.ค.ท.)ได้มีรับฟังความคิดเห็น “เวทีครูคิดวันปิดภาคเรียน” ซึ่งได้เก็บแบบสอบถามระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน 2562 มีจำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม 3,269 คน แบ่งเป็น ผู้บริหารการศึกษา 234 คน ผู้บริหารสถานศึกษา 852 คน ครูและพนักงานราชการปฏิบัติการสอน 1,727 คน และเจ้าหน้าที่ ลูกจ้างประจำและบุคลากรทางการศึกษาอื่น456 คน พบว่า ครูและบุคลากรทางการศึกษา เห็นด้วย 88.3% ให้ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 19/2560 ให้กระจายอำนาจการบริหารจัดการศึกษาไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.)และให้สถานศึกษาเป็นนิติบุคคลเน้นการกระจายอำนาจ และมีผู้แทนผู้ประกอบวิชาชีพครู และบุคลากรทางการศึกษาทุกระดับ ตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542


          เห็นด้วย 74.1% ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี (7 ต.ค.2562) เรื่อง ให้ สพฐ.พิจารณาดำเนินการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กที่มีระยะทางห่างจากโรงเรียนในสังกัดสพฐ. ในตำบลเดียวกันน้อยกว่า 6 กิโลเมตร เห็นด้วย 95.7% ให้ รมว.ศึกษาธิการ รีบดำเนินการให้มีการสรรหาคณะกรรมการคุรุสภา ตามมาตรา 12 และดำเนินการสรรหาคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามมาตรา 64 ของ พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546 โดยเร็วที่สุด และเห็นด้วย 93.9% ให้นำ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาปรับปรุงใช้แทนร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติฉบับของรัฐบาล

 

 

องค์กรครูยกระดับเคลื่อนไหวค้านยุบ สพท. เล็งล่ารายชื่อ

 

 


          นายธนชน กล่าวทิ้งท้ายว่า นอกจากนั้น ได้กำหนดแนวทางในการสนับสนุนในเรื่องต่างๆ เพิ่มเติม คือ 1.จะไม่มีการอบรมผู้สอบคัดเลือกรอง ผอ.สพป./สพท. ทั้งๆ ที่ สพฐ.มีงบประมาณ มีวิทยากร มีหลักสูตร มีสถานที่พร้อมอบรมหมดทุกอย่างแล้วยังเหลือแต่รัฐมนตรีดึงเรื่องไว้ 2.ไม่คืนตำแหน่งเกษียณของ ผอ.เขต รองผอ.เขต และ 38 ค(2) ให้กับเขตพื้นที่ ทั้งที่เขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งขาดแคลนบุคลากรดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาในช่วงก่อนสอบโอเน็ตเร็วๆ นี้ ดังนั้นสมาคม/ชมรม และเครือข่ายองค์กรครูทั่วประเทศจะเพิ่มมาตรการเพื่อกดดันให้ผู้มีอำนาจได้ยุติแนวคิดยุบเลิกเขตพื้นที่ และที่สำคัญจะประชาสัมพันธ์ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดให้เข้าใจ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ