โดย... -ชุลีพร อร่ามเนตร [email protected]
“ประชาชนไม่รู้สิทธิ์ เพราะมีปัญหาในการเข้าถึง ขณะเดียวกันไม่มีฐานข้อมูลครบถ้วน ทำให้บริการและการส่งต่อล่าช้า” นี่คือปัญหาที่ “ประกาย ธีระวัฒนากุล กรรมการบริหาร มูลนิธิสถาบันอนาคตไทยศึกษา ที่ปรึกษาทีมงานโครงการพัฒนานวัตกรรมงานบริการภาครัฐ : การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส” ได้สะท้อนถึงปัจจัยที่ทำให้ผู้ด้อยโอกาสในสังคมไทยไม่ได้รับการช่วยเหลือตามสิทธิ์
“แพลตฟอร์มได้โอกาส” เป็นต้นแบบโมเดลแห่งการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยน “ผู้ด้อย” เป็น “ผู้ได้” นวัตกรรมภายใต้ความร่วมมือระหว่าง มูลนิธิสถาบันอนาคตไทยศึกษา กับ i-team กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA หนึ่งในนวัตกรรมได้รับรางวัลต้นแบบนวัตกรรมงานบริการภาครัฐ ในงาน “ปลุกนวัตกรรมจากรัฐ : จากไอเดียสู่ Big Impact” โครงการพัฒนานวัตกรรมงานบริการภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ 2562 หรือ Gov Lab ซึ่งเป็นปีที่ 3 ของการดำเนินการ โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ร่วมกับวิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDP ประจำประเทศไทย
ประกาย กล่าวว่า ประเทศไทยมีผู้ด้อยโอกาสกว่า 15 ล้านคน ซึ่งมีเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่เข้าถึงการรับบริการ หรือรับสิทธิ์จากภาครัฐ อย่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีเพียง 11 ล้านคนเท่านั้นที่ได้รับ แต่อีก 4 ล้านกว่าคนไม่ได้รับ และจากการลงพื้นที่สอบถามไปยังกลุ่มผู้ด้อยโอกาสในสังคม พบว่า ผู้ด้อยโอกาสส่วนใหญ่ไม่รับทราบว่าตนเองนั้นมีสิทธิ์อะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการศึกษา การรักษาพยาบาล หรือสิทธิ์ต่างๆ ที่ควรจะได้รับ เช่น สิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกโรค สิทธิ์ผู้สูงอายุที่รัฐจัดบริการให้ ดังนั้น ต้นแบบ “แพลตฟอร์มได้โอกาส” จะเป็นการสร้างโมเดลการรับรู้เรื่องสิทธิ์ และการสร้างฐานข้อมูลผู้ด้อยโอกาส และแอพพลิเคชั่นผู้ช่วยอาสาสมัคร
“สาเหตุที่ผู้ด้อยโอกาสไม่รู้สิทธิ์ของตัวเองนั้น เกิดจากอ่านหนังสือไม่ออก ไม่กล้าติดต่อกับหน่วยงานรัฐ มีประสบการณ์ไม่ดีมาก่อน เชื่อใจอาสาสมัครมากกว่าเจ้าหน้าที่รัฐ และไม่รู้สิทธิ์เพราะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของรัฐได้ การสร้างโมเดลการรับรู้จะใช้ร่วมกับสื่อต่างๆ ที่ใช้สื่อสารกับประชาชน เช่น คู่มือประชาชน สปอตวิทยุ โทรทัศน์ แผ่นพับ ในลักษณะของสัญลักษณ์ของภาพที่มักถูกใช้เพื่อแทนการสื่อสาร เช่น เงินอุดหนุนใช้เป็นภาพธนบัตร สุขภาพใช้ภาพยา การศึกษาใช้ภาพดินสอหรือตัวอักษร ก. ที่อยู่อาศัยใช้ภาพบ้าน สนับสนุนงาน/อาชีพใช้อุปกรณ์ทำงาน ผู้พิการใช้สัญลักษณ์คนพิการนั่งบนรถเข็น การคุ้มครองทางสังคมใช้ภาพจับมือ เป็นต้น ส่วนการพัฒนาแอพพลิเคชั่นนั้นจะเป็นรูปแบบการสื่อสารที่เข้าใจง่าย ผู้ด้อยโอกาสเพียงกรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ก็สามารถรับรู้ทุกสิทธิ์ ซึ่งมีประมาณ 47 สวัสดิการของรัฐที่ควรจะได้รับ”
การจะเข้าถึงผู้ด้อยโอกาสได้ส่วนหนึ่งต้องมีฐานข้อมูลผู้ด้อยโอกาส ซึ่งประเทศไทยขาดฐานข้อมูลรวม ระบุสถานะ สิทธิ์ผู้ด้อยโอกาสที่ชัดเจน ทำให้การตรวจสอบสถานะและสิทธิ์ต่างๆ มีความล่าช้า ผู้ด้อยโอกาสมีข้อจำกัดเข้าไม่ถึงระบบ ขณะเดียวกันการส่งต่อแต่ละกรณีติดขัด เพราะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เชื่อมต่อถึงกันของแต่ละหน่วยงาน เนื่องจากแต่ละหน่วยงานก็ต่างคนต่างทำ ไม่ได้มีการเชื่อมต่อข้อมูลของผู้ด้อยโอกาส ซึ่งปัญหาเหล่านี้ ทำให้ต้องทำงานเดิมซ้ำๆ ส่งผลให้งานล่าช้า
ที่ปรึกษาทีมงาน แพลตฟอร์มได้โอกาส เล่าต่อว่า แพลตฟอร์มดังกล่าวจะเป็นการสร้างเครื่องมือและฐานข้อมูลเพื่อช่วยให้อาสาสมัครทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีฐานข้อมูลและสามารถใช้ฐานข้อมูลดังกล่าวจากหลายๆ กระทรวงให้เป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ขณะเดียวกันการสร้างแอพพลิเคชั่นที่จะช่วยอาสาสมัครในการกรอกข้อมูลให้แก่ผู้ด้อยโอกาส ด้วยรูปแบบง่ายๆ กรอกเลขบัตรประชาชนหรือสแกนใบหน้าเพื่อระบุตัวตน ตรวจสอบยืนยันตัวตน ตรวจสอบสถานะก่อนส่งต่อ แบบฟอร์มกลาง อัพข้อมูลและข้อมูลสิทธิ์ พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ โดยที่ผู้ด้อยโอกาสสะดวก เข้าถึงได้ทุกที่ และอาสาสมัครก็สามารถช่วยผู้ด้อยโอกาสได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสที่ไม่มีเลขบัตรประชาชน
ทั้งนี้ ฐานข้อมูลต่างๆ นั้น ต้องประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ พม. กระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย (มท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานประกันสังคม กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นต้น เพื่อที่จะได้เชื่อมต่อข้อมูลเข้าระบบ นำไปสู่การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสให้เข้าถึงสิทธิสวัสดิการต่างๆ อันนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“มีต้นแบบในการจัดระบบฐานข้อมูลให้แก่ภาครัฐ รวมถึงจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลเข้าด้วยกัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องขอความร่วมมือจากภาครัฐในการจัดทำข้อมูลต่างๆ ซึ่งหากมีการจัดทำแพลตฟอร์มได้โอกาสเกิดขึ้นจริง จะช่วยประชากรไทยที่เป็นคนจนและคนด้อยโอกาสกว่า 15 ล้านคนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถเข้าถึงสวัสดิการและได้รับการดูแล ลดการซ้ำซ้อนการใช้งบประมาณและบุคลากร 35% ผู้ด้อยโอกาสสามารถเข้าถึงสวัสดิการเพิ่มขึ้น 10% มีฐานข้อมูลผู้ด้อยโอกาสที่บูรณาการกันเป็นหนึ่งเดียวจาก 20 กว่าฐานข้อมูล เป็น 1 ฐานข้อมูลผู้ด้อยโอกาส ดังนั้น แพลตฟอร์มได้โอกาสจะสามารถช่วยผู้ด้อยโอกาสของไทยให้ได้รับรู้สิทธิ์ และที่สำคัญยังทำให้ประเทศไทยมีฐานข้อมูลผู้ด้อยโอกาส เพื่อนำไปเป็นฐานข้อมูลของรัฐในการจัดเก็บผู้ด้อยโอกาสและสิทธิ์ต่างๆ”
อย่างไรก็ตาม “แพลตฟอร์มได้โอกาส” ยังเป็นนวัตกรรมต้นแบบ ซึ่งทางทีมงานจะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนและจัดทำสร้างนวัตกรรมดังกล่าวให้เกิดขึ้นจริง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ด้อยโอกาสไทย และช่วยลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้น เพราะอย่างน้อยผู้ด้อยโอกาสก็ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างที่ควรจะเป็น
โรดแม็พแพลตฟอร์มได้โอกาส:การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส
ปีที่1 วางรากฐาน
1.Quick Win บูรณาการฐานข้อมูล
-ที่มีของ พม.และฐานข้อมูลสวัสดิการแห่งรัฐของกระทรวงการคลัง
2.สร้างโมเดลการรับรู้สิทธิ์
-โดยออกแบบและจัดทำคู่มือฉบับประชาชน
-การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ที่น่าเชื่อถือให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
3.ทดลองโมเดลการสื่อสารรับรู้สิทธิ์ และฐานข้อมูลผู้ด้อยโอกาสในเชิงพื้นที่
-เช่นจังหวัดที่ยากจนสุด 10 จังหวัด
4.สร้างฐานข้อมูลผู้ด้อยโอกาส
-จัดเก็บข้อมูลผู้ด้อยโอกาสและสิทธิ์ต่างๆ ของภาครัฐ
ปีที่ 2 ต่อยอดและขยายผล
1.พัฒนาแอพพลิเคชั่น
-เพื่อให้บริการข้อมูลความรู้ การตรวจสอบสิทธิสวัสดิการต่างๆ สำหรับประชาชน
2.ต่อยอดให้เป็นเครื่องมือสำหรับอาสาสมัคร
-จัดเก็บข้อมูลผู้ด้อยโอกาสและการตรวจสอบสิทธิ์
ปีที่ 3 ยกระดับการบริการ
1.ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบดิจิทัล
-ยกระดับการทำงานให้มีความสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส
2.บูรณาการข้อมูลกับทุกหน่วยงาน
-เพื่อขยายฐานการบริการ และการส่งต่อเคสไปยังหน่วยงานต่างๆ
ที่มา:มูลนิธิสถาบันอนาคตไทยศึกษา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง