อยากสอบเข้าโรงเรียนดังได้ ติดคณะดังม.อันดับต้นๆของประเทศต้องไปกวดวิชากลายเป็นค่านิยมของเด็กที่ต้องการเรียนเก่งสอบติด พ่อแม่ผู้ปกครองสนับสนุน
ด้วยจำนวนที่นั่งเรียนในระดับอุดมศึกษาชั้นนำของประเทศมีจำนวนจำกัด ไม่เพียงต่อความต้องการของน้องๆที่อยากจะเข้าเรียนต่อทำให้เกิดการแข่งขันจึงสูง จึงต้องใช้ความพยายามและหาทางเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ และดูเหมือนว่าโรงเรียนกวดวิชาหรือติวเตอร์สามารถตอบโจทย์ได้ จึงไม่แปลกที่มีเด็กและผู้ปกครองหลายคนส่งเสริมให้เรียนกวดวิชา ซึ่งปัจจุบันรูปแบบการสอนเปลี่ยนไปจากเดิมติวเตอร์ทำการสอนในห้องเรียน มาเป็นสอนทางออนไลน์ คอมพิวเตอร์ หรือวีซีดีแทนกันแล้ว ไปติดตามรายละเอียดกับ 0 ขวัญเรียม แก้วสุวรรณ 0 [email protected] 0
กฤติกา ปาลกะวงศ์ หรือครูหนู ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ อธิบายว่าปัจจุบันเด็กที่มาติวส่วนใหญ่มีเป้าหมายไม่ต่างกับตัวติวเตอร์ในอดีต ต้องการสอบเข้าเรียนต่อในโรงเรียนชื่อดังและมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ แต่ด้วยความที่ข้อสอบสอบเข้าระดับอุดมศึกษายาก บางทีไม่ตรงกับหลักสูตรที่เรียนมา จึงต้องหาตัวช่วยด้วยการเรียนกวดวิชา โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ จึงต้องมาเรียนกับติวเตอร์เพื่อทำข้อสอบให้ได้และทันเวลา ทำคะแนนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ได้เรียนในโรงเรียน หรือคณะที่ตัวเองต้องการ
กฤติกา ปาลกะวงศ์ หรือครูหนู ติวเตอร์ภาษาอังกฤษ
“ทุกวันนี้นอกจากสอนเด็กที่สมัครเรียนกับทางโรงเรียนกวดวิชาแล้ว ติวเตอร์ยังต้องเดินทางไปต่างจังหวัดทั่วประเทศ เพราะมีโรงเรียนเชิญไปเป็นวิทยากรติวให้นักเรียนในช่วงปิดเทอมหรือวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เมื่อเดินทางบ่อยเวลาสอนสดก็น้อยลง ผู้เรียนของสถานบันก็อาจได้รับผลกระทบ การสอนผ่านระบบออนไลน์ จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ทำได้ ซึ่งเด็กๆ ก็พอใจ เพราะเขาสามารถเปิดติวเวลาไหนและที่ไหนก็ได้ โดยไม่ต้องมาเรียนที่สถาบัน และถามว่าเรียนออนไลน์ไม่สามารถถาม ตอบได้ ตรงนี้ไม่ใช่ปัญหา เพราะประสบการณ์ที่เป็นติวเตอร์มา 20 ปีจะรู้ว่าเด็กไม่เข้าใจตรงไหนก็จะย้ำให้หลายๆ รอบ”กฤติกา กล่าว
ปัจจุบันโรงเรียนกวดวิชา หรือสถาบันติวหลายแห่งมีการเรียนออนไลน์ ผู้เรียนไม่จำเป็นต้องมาเรียนสดก็ได้ วิเศษ กี่สุขพันธ์ หรือ “ครูเอ๋” ติวเตอร์คณิตศาสตร์ สถาบันกวดวิชา We by the Brain บอกว่า ไม่อยากให้มองว่า เพราะจำนวนผู้เรียนมากขึ้นเลยทำให้ต้องเปลี่ยนจากการสอนสดในห้องมาเรียนทางคอมพิวเตอร์แทน เพราะไม่ใช่คำตอบทั้งหมด แต่เป็นเพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เอื้อต่อการติวผ่านคอมพิวเตอร์ได้การใช้นวัตกรรมทางการศึกษาจึงเป็นทางเลือกที่ดีในขณะที่ติวเตอร์บางวิชามีจำนวนจำกัด
วิเศษ กี่สุขพันธ์ หรือ “ครูเอ๋” ติวเตอร์คณิตศาสตร์ สถาบันกวดวิชา We by the Brain
"การกวดวิชากับการเรียนในโรงเรียนเป็นการเกื้อหนุนซึ่งกันและกันมากกว่า เปรียบเหมือนการทานข้าว โรงเรียนในระบบเป็นข้าว อาหาร ส่วนโรงเรียนกวดวิชาเป็นวิตามิน ที่กินแล้วร่างกายแข็งแรงขึ้นไม่อยากให้มองว่าหลักสูตรของกระทรวงศึกษาไม่เข้มข้นพอ เด็กๆ จึงอยากมาเรียนกับโรงเรียนกวดวิชา เพราะจำนวนที่นั่งเรียนในระดับอุดมศึกษาที่มีจำนวนจำกัด และความต้องการของน้องๆที่อยากจะเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ การแข่งขันจึงสูง อีกทั้งด้วยความต้องการนำความรู้จากสถาบันกวดวิชาไปใช้ทำเกรดในโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนกวดวิชาสามารถตอบโจทย์ได้ ซึ่งต้องทำควบคู่กันไป จะได้ผลดี"
“ครูเอ๋” บอกว่า ไม่อยากให้คิดว่าติวเตอร์มีหน้าที่เก็งข้อสอบหรือสอนแต่สูตรลัดเพียงอย่างเดียว เพราะติวเตอร์จะให้ความรู้รากฐานเชิงลึกด้วย และให้โจทย์ที่มีระดับความยากขึ้นเรื่อยๆ จนเด็กสามารถทำได้ เข้าใจเนื้อหา กระทั่งเกิดความมั่นใจ และภูมิใจในตัวเอง ความสนุกและความสุขในเวลาเรียนก็จะเกิดขึ้น และที่สำคัญเด็กจะไม่เบื่อการเรียน เพราะบุคลิกการสอนที่สนุกสนานของติวเตอร์ ที่สำคัญติวเตอร์ยังทำหน้าที่เป็นพี่ที่ให้คำแนะนำการเตรียมตัวให้น้องๆ สอบติด
ว่ากันว่าค่าใช้จ่ายในการเรียนพิเศษแต่คอร์สมีตั้งแต่ 4 หลักไปขึ้นจนถึง 5 หลักเลยทีเดียว "ไพศาล ขุนวิเศษ" ผู้ปกครองที่ส่งลูกเรียนโรงเรียนกวดวิชาค่าเรียน 1 คอร์สอย่างต่ำ 8 พันบาท แต่ต้องจ่ายเพื่อให้ลูกสอบติด
ซึ่งจากการสอบถามกับน้องๆ นักเรียนที่เคยติวที่โรงเรียนกวดวิชา จิดาภา แจ่มประจักษ์ ม.6 ร.ร.นิรมลชุมพร จ.ชุมพร ได้คำตอบว่า เรียนกับติวเตอร์จะได้เทคนิคการทำข้อสอบที่ในห้องเรียนไม่มีให้ ช่วยให้ทำข้อสอบได้เร็ว รวมทั้งถ้าเรียนไม่ทันเพื่อน หรือเรียนไม่เข้าใจในห้องเรียน ก็จะทำให้เข้าใจบทเรียนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มจำนวนของติวเตอร์และสถาบันกวดวิชา ไม่ใช่สิ่งที่เป็นเรื่องดีของระบบการศึกษาไทยมากนัก ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฟันธงว่าการเพิ่มจำนวนของติวเตอร์และสถาบันกวดวิชา ยิ่งสะท้อนความล้มเหลวของการศึกษาไทย เพราะเมื่อก่อนสถาบันกวดวิชากระจุกตัวอยู่เฉพาะในกรุงเทพมหานคร แต่ทุกวันนี้กระจายอยู่ทุกจังหวัด ยิ่งตัวเลขค่าตอบแทนสูง สถาบันกวดวิชาก็จะเพิ่มขึ้น เฉพาะแค่วิชาเคมีที่ตึกวรรณศร ย่านพญาไทก็มีมูลค่าพันล้านบาทแล้ว และด้วยระบบการสอบคัดเลือกเป็นข้อสอบวัดความรู้ ความจำเนื้อหาเกินระดับ สถาบันกวดวิชาจึงกลายเป็นเครื่องมือและคำตอบของเด็ก
ดังนั้นหากรัฐบาลต้องการสร้างเด็กที่มีคุณภาพต้องเปลี่ยนคนกำหนดนโยบาย ยกเลิกการสอบคัดเลือกที่ใช้ความรู้ ความจำเป็นตัวตัดสิน ลดเนื้อหาในหลักสูตร เพิ่มกระบวนการคิดวิเคราะห์ นอกจากนี้ต้องเปลี่ยนค่านิยมพ่อแม่ที่พยายามให้ลูกเรียนเกินระดับ จะได้สอบเข้าได้และเก่งกว่าคนอื่นไปพร้อมกันด้วย จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาการเพิ่มจำนวนโรงเรียนกวดวิชาลงได้
ดร.พะโยม ชิณวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
ดร.พะโยม ชิณวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ระบุว่าปัจจุบันโรงเรียนกวดวิชาทั่วประเทศมีทั้งหมด 2,422 โรง มีใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนนอกระบบ จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน หรือสช.ถูกต้องตามกฎหมาย หรือมาตรา 120 ของพ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2554 ในจำนวนนี้เป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร 626 โรง และต่างจังหวัด 1,796 โรง
และยังมีผู้ประกอบการหลายรายแบบไม่มีชื่อ แต่ใช้พื้นที่อย่างอาคารพาณิชย์ บ้านพักตัวเองเปิดสอน โดยไม่ได้มีการขออนุญาตอย่างถูกต้อง แต่ถ้ามีการรวมตัวกันเรียนของผู้เรียน 7 คนขึ้นไปต่อวัน ตามกฎหมายถือว่าการสอนที่เข้าข่ายการประกอบกิจการโรงเรียนกวดวิชา ซึ่งต้องมาทำเรื่องขออนุญาต ถ้าเปิดสอนโดยไม่มีใบอนุญาตก็มีมาตรการทางกฎหมายจัดการ หากไม่ปฏิบัติตาม สช.ก็จะแจ้งความดำเนินคดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง