Lifestyle

ตั้งกก.สอบครูร.ร.ดังตบหัวนร.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สพม.เขต 31 ตั้ง กก.สอบ เตรียมสั่งย้าย รองผอ.ร.ร.ดัง บันดาลโทสะตบหัวแกนนำ ขณะพาเพื่อน นร.ประท้วงคัดค้านเก็บค่าเอสเอ็มเอส

 
                      22 ส.ค. 58  จากการเผยแพร่ภาพวิดีโอคลิปในโลกออนไลน์ กรณีนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา รวมตัวกันอยู่บริเวณสนามโรงเรียนเรียกร้องให้ผู้บริหารโรงเรียนออกมาชี้แจงกรณีที่โรงเรียนเรียกเก็บเงินเพิ่มจากนักเรียนหลายรายการ โดยเฉพาะค่าเอสเอ็มเอส (ข้อความทางโทรศัพท์มือถือ) ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่เกิดความสงสัยไม่รู้ว่าโรงเรียนนำเงินที่เรียกเก็บไปพัฒนาโรงเรียนด้านไหน จึงรวมตัวกันชุมนุมขอคำชี้แจงจากผู้บริหารโรงเรียน
 
                      ขณะเดียวกัน ผู้บริหารโรงเรียนได้เดินเข้ามาเจรจาพร้อมทั้งสั่งให้นักเรียนแยกย้ายไปเข้าห้องเรียนตามเดิม แต่เด็กนักเรียนยืนยันว่าจะให้ผู้บริหารโรงเรียนออกมาชี้แจงให้ทราบก่อน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่รองผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นอย่างมาก จนแสดงอารมณ์โกรธและใช้ถ้อยคำดุด่ากลุ่มนักเรียนที่ออกมาประท้วง ท่ามกลางความไม่พอใจและเสียงโห่ไล่ของนักเรียนอยู่ตลอดเวลา ทำให้รองผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าวเดินเข้าไปหาเด็กนักเรียน ก่อนจะใช้ฝ่ามือตบที่ศีรษะเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งอย่างแรง 1 ครั้ง จนครูอีกคนหนึ่งต้องเข้ามาห้ามเพราะเกรงว่าเหตุการณ์จะบานปลายออกไปนั้น
 
                      ล่าสุด บ่ายวันนี้ (22 ส.ค.) นายรณชัย สุขสมบูรณ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 31 เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 31 ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว และจะสรุปผลการสอบสวนให้เสร็จไม่เกิน 1 สัปดาห์ ขณะที่ต้นสังกัดเตรียมพิจารณาสั่งย้ายผู้บริหารโรงเรียนคนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ที่อื่นเป็นการชั่วคราวจนกว่าผลการสอบสวนจะเสร็จสิ้น
 
                      "ผู้บริหารได้ยอมรับว่าได้กระทำการดังกล่าวจริง เพราะบันดาลโทสะ เนื่องจากเจรจากับกลุ่มนักเรียนที่ประท้วงไม่เป็นผลและถูกโห่ไล่ โดยพร้อมจะปฏิบัติการตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาหากมีคำสั่งจากต้นสังกัดให้ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษาอื่น"
 
                      รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขต 31 กล่าวอีกว่า ได้มีคำสั่งให้ชะลอโครงการเอสเอ็มเอส ซึ่งเป็นโครงการส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือเพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ ระหว่างโรงเรียน เด็กนักเรียน และผู้ปกครอง โดยเตรียมคืนเงินที่โรงเรียนได้เรียกเก็บมาแล้วบางส่วนเป็นจำนวนเงินประมาณ 1 แสนบาท ซึ่งจะสามารถคืนเงินให้แก่เด็กนักเรียนได้ภายในสัปดาห์หน้า 
 
                      ด้านนายเอ (นามสมมติ) เด็กนักเรียนที่ถูกทำร้ายร่างกาย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุมีอาจารย์ และผู้ใหญ่บางท่าน ได้มาขอไม่ให้ตนเข้าแจ้งความเอาผิดกับผู้บริหารโรงเรียนท่านนี้ แต่ตนพร้อมผู้ปกครองไม่ยอมความแน่นอน เพราะถือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ แต่เดิมตนได้ทำคลิปวิดีโอสอบถามเรื่องอุปกรณ์การเรียนที่รัฐจัดสรรให้ เนื่องจากได้อุปกรณ์การเรียนไม่ตรงกับหนังสือคู่มือที่โรงเรียนแจกมา รวมถึงไม่ครบตามจำนวนเงินที่กระทรวงศึกษาธิการจัดสรรมาให้ อีกทั้งยังมีการเรียกเก็บเงินค่าอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าปีการศึกษาก่อนๆ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ สุดท้ายจึงตัดสินใจปรึกษากับเพื่อนนักเรียนที่มีความคิดคล้ายกัน เพื่อสอบถามอาจารย์เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา จนถูกทำร้ายร่างกาย
 
                      "สิ่งที่ทำไปทุกอย่าง เกิดขึ้นจากความคิดของผมแต่เพียงผู้เดียว ที่ต้องการให้ทางโรงเรียนชี้แจงรายละเอียดต่างๆ ให้แก่นักเรียนได้รับทราบ เพราะถือเป็นสิทธิ์ที่นักเรียนควรรู้ และรับทราบ เนื่องจากครอบครัวต้องแบกภาระค่าใช้จ่าย ยืนยันว่าไม่มีผู้ใดอยู่เบื้องหลัง หรือหวังผลใดๆ ทั้งสิ้น และไม่ได้ตั้งใจให้เหตุการณ์บานปลายขนาดนี้ แต่ที่เสียใจที่สุดก็คือการกระทำของคณะผู้บริหารที่ยังนิ่งเฉย อีกทั้งยังมีการใช้ถ้อยคำด่าทอ จนกระทั่งใช้กำลังทำร้ายร่างกาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถรับได้ จำเป็นที่จะต้องแจ้งความอย่างแน่นอน"
 
                      พร้อมกันนี้ นายเอยังได้โพสต์เฟซบุ๊กของตัวเอง ช่วงเช้าวันเดียวกัน เพื่อชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มเด็กนักเรียนดังกล่าวเป็นการชุมชนเพื่อเรียกร้องให้ผู้บริหารโรงเรียนออกมาชี้แจง กรณีที่ทางโรงเรียนได้มีการเรียกเก็บเงินจากนักเรียนหลายรายการ โดยเฉพาะมีการเรียกเก็บเงินค่าเอสเอ็มเอส ซึ่งที่ผ่านมาเด็กนักเรียนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าทางโรงเรียนนำเงินที่เรียกเก็บไปพัฒนาโรงเรียนในด้านไหน และผู้บริหารก็ไม่ได้มีการชี้แจงแต่อย่างใด 
 
                      ทั้งนี้ อยากขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจ โดยเฉพาะศิษย์เก่า และคณะครู ว่าเด็กนักเรียนกลุ่มนี้ก็รักโรงเรียนเช่นเดียวกัน ขอให้หยุดการดุด่าว่ากล่าวกัน แต่ขอให้ทางโรงเรียนออกมาชี้แจงให้เด็กนักเรียนทุกคนเข้าใจก็จบแล้ว 
 
                      ต่อมานายเอ พร้อมด้วยบิดาและมารดา ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเสิงสาง อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา เพื่อลงบันทึกประจำวัน ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อกับทางโรงเรียน เพื่อขอสัมภาษณ์คณะผู้บริหารโรงเรียนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ได้รับการปฏิเสธจากครูเวรที่รับสาย อ้างว่าวันนี้เป็นวันหยุดราชการ
 
 
 
 
 
logoline

ข่าวที่น่าสนใจ