
ฟ้าผ่า! 'ต๊อบ เถ้าแก่น้อย และพวก' เซ่นปมหุ้น TKN ปรับกว่า 16 ล้าน ห้ามเรื่องนี้?
"ก.ล.ต." ฟาดแรง! จัดหนักไม่ยั้งสั่งปรับ "ต๊อบ เถ้าแก่น้อย และพวก" รวมมูลค่ากว่า 16 ล้าน ปมใช้อินไซด์ซื้อหุ้น TKN ไม่หมดยังสั่งห้ามนั่งผู้บริหาร นาน 20 เดือนช็อกวงการธุรกิจ?
วงการธุรกิจสะเทือน! "ก.ล.ต." เดินเกมเด็ดงัดมาตรการทางแพ่งจัดหนัก "ต๊อบ เถ้าแก่น้อย" พร้อมพวก 5 ราย ปมซื้อขายหุ้นโดยอาศัยข้อมูลภายใน (อินไซด์) บริษัท TKN มูลค่าความเสียหายกว่า 16 ล้านบาท พร้อมสั่ง "แบนบริหาร" ยาว 20 เดือน
วันที่ 27 ตุลาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วย มาตรการลงโทษทางแพ่ง กับบุคคล 5 ราย จากกรณีซื้อขายหุ้นบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) – TKN โดยใช้ ข้อมูลภายใน (Inside Information) ซึ่งเข้าข่ายการกระทำอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
รายชื่อผู้ถูกลงโทษ ได้แก่
- นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ หรือ “ต๊อบ เถ้าแก่น้อย”
- นายณัชชัชพงศ์ พีระเดชาพันธ์
- นางพนิดา วิริยะกิจนุกูล
- นางสาวฐิติรัตน์ ภานุวัฒน์วนิชย์
- นายจักรพันธ์ ชาติปรีชา
โดยทั้ง 5 รายถูกสั่งให้ ชำระเงินรวมทั้งสิ้น 16,392,684 บาท พร้อมทั้งถูกกำหนดบทลงโทษ ห้ามดำรงตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียนหรือบริษัทใดในตลาดทุน เป็นเวลา 20 เดือน
"สาเหตุการลงโทษ" ดังกล่าว สืบเนื่องจากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. พบว่า บุคคลกลุ่มนี้ได้ทำการซื้อหุ้น TKN ในช่วงเวลาที่มี “ข้อมูลภายใน” ซึ่งยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ และต่อมาเมื่อข้อมูลนั้นถูกเปิดเผย ทำให้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวในทิศทางที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้ถือข้อมูล ซึ่งเข้าข่าย “ใช้ข้อมูลภายในแสวงหาประโยชน์ส่วนตน”
คดีนี้ถูกจับตามองอย่างหนัก เนื่องจาก "ต็อบ เถ้าแก่น้อย" ถือเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เป็นไอคอนของคนรุ่นใหม่ในแวดวงธุรกิจไทย และเป็นผู้บุกเบิกแบรนด์ขนมสาหร่าย “เถ้าแก่น้อย” ให้ดังไกลระดับโลก จึงทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะกระทบภาพลักษณ์ของบริษัทและความเชื่อมั่นของนักลงทุนหรือไม่
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2566 และตรวจสอบเพิ่มเติม พบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่า ในระหว่างวันที่ 5 สิงหาคม – 9 พฤศจิกายน 2565 บุคคลทั้ง 5 รายดังกล่าว ได้กระทำการที่เข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับการซื้อหุ้นโดยอาศัยข้อมูลภายในที่ส่งผลกระทบด้านบวกต่อราคาหุ้น TKN ที่ตนรู้หรือครอบครอง
ได้แก่ ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ของ TKN ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 179.97 ล้านบาท ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลรอบที่ 2 (รอบพิเศษ) สำหรับผลการดำเนินการของไตรมาสดังกล่าว ในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่มีสาระสำคัญด้านบวกต่อราคาหุ้น TKN ที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชนเป็นการทั่วไป
โดยพบว่าภายหลังจากที่ "นายอิทธิพัทธ์" ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริษัท และ นายณัชชัชพงศ์ ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการ (ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ) ได้รู้หรือครอบครองข้อมูลภายในดังกล่าว นายอิทธิพัทธ์ ได้ซื้อหุ้น TKN ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของ "นางพนิดา และ นายณัชชัชพงศ์" ได้ซื้อหุ้น TKN ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคล 2 ราย ได้แก่ นางสาวฐิติรัตน์ และ นายจักรพันธ์ ก่อนที่ TKN จะเปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565
การกระทำของ นายอิทธิพัทธ์ และ นายณัชชัชพงศ์ กรณีซื้อหุ้น TKN โดยอาศัยข้อมูลภายในดังกล่าว เป็นความผิดตามมาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 243(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
ส่วนการกระทำของ "นางพนิดา นางสาวฐิติรัตน์ และ นายจักรพันธ์" ที่ยินยอมให้ นายอิทธิพัทธ์ และ นายณัชชัชพงศ์ แล้วแต่กรณี ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานซื้อหุ้น TKN โดยอาศัยข้อมูลภายในตามมาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 315 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 5 ราย ดังกล่าว โดยกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ได้แก่ ค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ ชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ (ห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร) ดังนี้
- (1) ให้ นายอิทธิพัทธ์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่พึงได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 11,601,063 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 20 เดือน
- (2) ให้ นายณัชชัชพงศ์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่พึงได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 2,916,030 บาทและกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 14 เดือน
- (3) ให้ นางพนิดา ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 625,197 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 13 เดือน
- (4) ให้ นางสาวฐิติรัตน์ และนายจักรพันธ์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้นคนละ 625,197 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลาคนละ 9 เดือน
การกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวข้างต้นจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราที่อัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติโดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ. กำหนด
ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง
ที่มา : ก.ล.ต. , bangkokbiznews
สรุปข่าวคมชัดลึก
"ก.ล.ต." ลงดาบเด็ด สั่งปรับรวมกว่า 16 ล้านบาท และห้ามนั่งผู้บริหาร 20 เดือน ต่อกรณี "ต็อบ เถ้าแก่น้อย" กับพวก ใช้อินไซด์เทรดหุ้น TKN ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มงวดในการกำกับดูแลตลาดทุนไทย และเป็นสัญญาณเตือนแรงถึงนักลงทุนทุกระดับว่า “ข้อมูลภายในไม่ใช่ทางลัดสู่ความรวย แต่คือเส้นทางสู่การถูกลงโทษทางกฎหมาย”
#ต็อบเถ้าแก่น้อย #TKN #กองทุนตลาดหลักทรัพย์ #อินไซด์เทรด #ข่าวเศรษฐกิจ #คมชัดลึก



