เศรษฐา ยกคำพูด นายกฯมาเลเซีย - ขวางขึ้น ค่าแรงขั้นต่ำ ฉุดการเติบโตประเทศ

นายเศรษฐา ทวีสิน   นายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า  การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ยังไม่ได้ข้อยุติ   เป็นเรื่องที่สร้างความอึดอัดทั้งต่อตนเองในฐานะนายกรัฐมนตรี  และเชื่อว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน  ก็จะรู้สึกเช่นเดียวกัน   ปัญหาในขณะนี้คือมีกลไกในการกำหนดค่าแรงอยู่   ซึ่งในรายละเอียด   มองว่าเป็นเรื่องจิตใต้สำนึกความเหมาะสม   และในการที่ตนพบกับนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย   ระหว่างอยู่ที่ภาคใต้  ก็ได้แลกเปลี่ยนความเห็นซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย  ระบุว่า ถ้าไม่สามารถปรับค่าแรงขั้นต่ำ ความเจริญเติบโตของประเทศก็จะต่ำไปด้วย 

 

 

 

 

" เมื่อวานนี้ (  อังคารที่ 26 ) หลังจากประชุมคณะรัฐมนตรี  ( ครม. )  ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน  ก็ได้แจ้งไปแล้วในเบื้องต้น  ถึงแนวทางปรับค่าแรง ซึ่งจะต้องดูแลแต่ละอาชีพแตกต่างกันออกไป    ค่าแรงขั้นต่ำเมื่อ 9 ปี ที่ผ่านมา 300 บาท วันนี้ 337 บาท ขึ้นไป 12% ซึ่งได้เปรียบเทียบว่า ในทางกลับกัน หากลูกของผู้ประกอบกิจการทั้งหลาย หรือคนที่เรียนจบเมืองนอกเมื่อ 9 ปีที่แล้ว เงินเดือน 30,000 บาท  มาถึงวันนี้เงินเดือนขึ้นเพียง 33,700 บาท จึงถามกลับว่าขึ้นมาแค่กว่า 10% แฮปปี้ไหม อยากให้นึกถึงใจเขาใจเรา เรื่องของไตรภาคีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องของกฎหมายและข้อบังคับก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หลายๆ เรื่องคนไทยอยู่ด้วยกัน  อยากให้ทุกคนมีความสุข และมีกินมีใช้ตามความเหมาะสม " 

 

 

 

 

 

เขา กล่าวว่า  ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้  การขึ้นค่าแรง ขึ้นไปเพียงแค่ 2 บาท    กลายเป็นว่านายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจ   การขึ้นค่าแรงเป็นเรื่องของไตรภาคีหรืออะไรก็แล้วแต่ ส่วนตัวเข้าใจหมดทุกอย่าง แล้วก็รู้ว่าทุกคนเข้าใจเรื่องกฎหมาย แต่เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมาย จึงอยากให้เอาความเข้าใจซึ่งกันและกันมาพูดคุยกัน 

 

 

 

 

"เรื่องปรับขึ้นค่าแรง ก็ต้องพยายามต่อไป ในการแก้ไขปัญหา  ต้องพูดจาให้มันมีความชัดเจนและต้องขอร้องอ้อนวอน วิงวอน ถึงเหตุผล แล้วอย่าเอาเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาพูด เช่น ประเด็นการย้ายฐานการผลิตมาพูด เพราะมันไม่ใช่  การขึ้นค่าแรงสามารถปรับได้หลายรอบตามความเหมาะสม จากที่ผ่านมาเราเคยพูดหลายจังหวัดรายอำเภอซึ่งบางอำเภอนั้น ก็อาจจะมีความต้องการแรงงานที่แตกต่างกันออกไป เราเองก็ต้องฟังจากฝั่งนายจ้างเช่นเดียวกัน ไม่ใช่จะไม่ฟัง และต้องฟังตามอาชีพตามความต้องการตามความชำนาญด้วย ซึ่งมีหลายมิติที่จะต้องพูดคุยกัน "  นายกรัฐมนตรี  ระบุ