‘นายกฯ’ ปลื้ม 7 ค่ายรถญี่ปุ่น จ่อลงทุนอีวีในไทย 8.2 หมื่นล้านใน 5 ปี

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2566  ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการร่วมหารือกับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ต่าง ๆ ได้แก่ โตโยต้า, มิตซูบิชิ, ฮอนด้า, อีซูซุ, ซูซูกิ, นิสสัน และ มาสด้า ที่ประเทศญี่ปุ่น ว่า ตนได้พบกับ นายไซโต เค็น (H.E. Mr. Saito Ken) รมว.เศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่นก่อนร่วมงานสัมนากับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีนักลงทุนญี่ปุ่นร่วมรับฟังประมาณ 500 คน

 

 

โดยยืนยันว่าประเทศไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์กันยาวนาน และญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ในประเทศไทย ลงทุนไปหลายล้านล้านบาทแล้ว โดยตนได้แจ้งถึงแนวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยว่าเราจะทำอะไรบ้าง ทั้งการลงทุนในกรีนเอนเนอจี อิเล็กทรอนิกส์พาร์ท รวมถึงเมกะโปเจกต์ต่างๆเช่นโครงการแลนด์บริดจ์

 

 

ทั้งนี้ ยังได้พบกับ มิตซูบิชิ กรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น ได้พูดคุยถึงการสำรวจและขุดเจาะแหล่งก๊าชธรรมชาติ ที่เขาสนใจและชำนาญ และความเป็นไปได้ในการใช้นำน้ำมันพืชใช้แล้วมาทำเป็นน้ำมันเครื่องบิน

 

 

ฮอนด้า มีแผนลงทุนในไทย 50,000 ล้านบาท

ต่อมา ได้พบกับ ฮอนด้า (Honda) ซึ่งได้ให้ความเชื่อมั่นต่อการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานจากรถยนต์สันดาปภายในไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า โดยจะเร่งสร้างโรงงาน กรีน เอนเนอจี และ ปลั๊กอิน-ไฮบริด ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ตนเคยแถลงไว้ ซึ่งทาง ฮอนด้ามีแผนที่จะลงทุนในประเทศไทยมูลค่า 50,000 ล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า

 

 

 

ขณะที่ นิสสัน (Nissan) ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่เข้ามาในรถยนต์ไฟฟ้าก่อนเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาคือ นิสสัน ลีฟ ก็ยืนยันว่าจะทำต่อเนื่องในเมืองไทย

 

 

ส่วน มิตซูบิชิ (Mitsubishi) จะมีการพัฒนารถกระบะไฟฟ้า เนื่องจากรถกระบะเป็นรถที่ขายดีในประเทศไทยฉะนั้นการจะเปลี่ยนรถกระบะเป็นอีวีในไทยเพื่อพลังงานสะอาดถือเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งตนก็ได้เร่งให้เขาลงทุนให้เร็วขึ้น เพราะการเปลี่ยนจากสันดาบไปเป็นอีวีก็ค่อนข้างรวดเร็ว เขาจะใช้เราเป็นฐานในการส่งรถกระบะไปขาย อีกไม่กี่ปีก็จะเริ่มแล้ว

 

 

ขณะเดียวกัน ตนยังได้พูดคุยกับ ซูซูกิ (Suzuki) แม้เป็นบริษัทเล็กแต่อยู่ในไทยมานาน เขาทำอีโคคาร์ คือ ซูซูกิ สวิฟท์ เขาขอให้เราส่งเสริมต่อ ตนก็ได้แนะนำให้ทำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เพราะเมืองไทยขายดี

 

 

อีซูซุ จ่อลงทุนในไทย 32,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ ยังได้หารือกับ อีซุซุ (Isuzu) ซึ่งเขาก็พร้อมลงทุนอีกประมาณ 32,000 ล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า เพราะ 2 ปีที่ผ่านมาเขาลงทุนไป 20,000 กว่าล้านบาท ฉะนั้น 32,000 กว่าล้านในระยะเวลา 5 ปี จึงถือว่าเยอะกว่าช่วงที่ผ่านมา

 

 

นายเศรษฐา กล่าวว่าจากนั้นได้หารือกับ มาสด้า (Mazda) ซึ่งเป็นบริษัทที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตส่งรถไปขายประเทศต่าง ๆ เขามั่นใจว่ารถยนต์อเนกประสงค์ (เอสยูวี) ของเรามีสมรรถนะที่ดีส่งขายยังต่างประเทศได้

 

 

สุดท้าย โตโยต้า (Toyota) คือบริษัทที่ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อยู่เมืองไทยมา 60 ปีแล้ว ประธานของบริษัทมาพูดคุยเองและเขาก็เคยอยู่เมืองไทยมาก่อน ถือว่าเข้าใจธุรกิจเป็นอย่างดีได้พูดคุยถึงการทำรถกระบะที่เขาขายดี คือ โตโยต้าไฮลักซ์ ไฟฟ้า โดยภายในปี 2025 เขาจะเริ่มผลิตแล้วแม้จะช้าไปนิด แต่เค้าผลิตเพียง 5,000 คัน ตนก็ได้ถามไปว่าทำไมผลิตน้อยจัง ซึ่งสิ่งที่เขาเป็นห่วงคือสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ตนจึงได้ยืนยันไปว่าเราขยายเครือข่ายตรงนี้ไปมากไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหน เขาก็จะกลับไปพิจารณา การเร่งผลิตรถกระบะอีวีให้เร็วขึ้น

 

 

อีกส่วนของ โตโยต้า เขาทำเรื่องไฟแนนซ์รถยนต์สอดคล้อง กับการแก้หนี้ในระบบ หากเขาช่วยเราได้ในส่วนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการบีบดอกเบี้ยหรือปรับเบี้ยปรับ ก็ต้องรบกวนด้วย

 

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนได้พูดคุยในวันนี้คือการเร่งให้แต่ละบริษัทลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ให้เร็วขึ้น เพราะบริษัทเหล่านี้อยู่ในไทยมา 50-60 ปี มีความเป็นไทยมองตาก็รู้ใจ อีกอย่างคือพูดคุยถึงการใช้พลังงานสะอาดที่จะเป็นหัวข้อหลักในการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่นสมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ในวันที่ 17 ธ.ค. 2566

 

 

เมื่อถามว่าพอใจ กับการหารือกับนักธุรกิจญี่ปุ่นตลอดทั้งวันหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า พอใจมากเพราะญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าที่สำคัญของเรา และพูดจากันด้วยท่าทีที่ดีเป็นมิตรด้วยท่าทีที่ดี ฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วง แต่เราก็พยายามให้เขาเร่งการลงทุนเข้ามา เพราะโลกเปลี่ยนไปมาก และบีโอไอได้มีการเตรียมข้อมูลไว้ก่อนอย่างดีมาก

 

 

 

เมื่อถามว่ามีการประเมินหรือไม่ว่าโอกาสในการหารือจะสำเร็จกี่เปอร์เซ็นต์ ในรัฐบาลชุดนี้ นายกฯ กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลตน 4 ปีทุกโครงการก็สำเร็จ เพราะเขาจะเข้ามาเร็ว บางอันก็เข้ามาปีหน้าแล้วและขณะนี้บางเรื่องก็เริ่มการลงทุนแล้ว แต่อาจจะมีเรื่องของรถยนต์ไฮโดรเจน ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าใช้ระยะเวลานานแค่ไหนแต่เรื่องอื่นก็กำลังดำเนินการอยู่