ข่าว

'เงินเยียวยาชาวนาล่าสุด' เงินเยียวยาไร่ละ 1,000' นบข. เคาะแล้ว สูงสุด 20,000

'เงินเยียวยาชาวนาล่าสุด' เงินเยียวยาไร่ละ 1,000' นบข. เคาะแล้ว สูงสุด 20,000

10 พ.ย. 2566

'เงินเยียวยาชาวนาล่าสุด' เงินเยียวยาไร่ละ 1,000 นบข. เคาะจ่าย ตรวจสอบเงินไร่ละ 1,000 ด้วยเลขบัตรประชาชน เช็กหลักเกณฑ์ ที่นี่

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยความคืบหน้า โครงการ “เงินเยียวยาไร่ละ 1,000” หรือ เงินเยียวยาชาวนาล่าสุด ภายใต้โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 ว่า วันนี้ จะได้ข้อสรุปแน่นอน โดยจะมีการนำเข้าหารือในคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ในช่วงบ่าย

ภูมิธรรม เวชยชัย

นายภูมิธรรม กล่าวว่า สำหรับการให้ “เงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท” นั้น ที่ผ่านมารัฐบาลยืนยันว่า จะนำเข้าไปหารือใน นบข. และจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใน 1-2 สัปดาห์ โดยคาดว่า “เงินเยียวยาไร่ละ 1,000” น่าจะเริ่มจ่ายได้ ภายในเดือน พ.ย. 2566 

 

 

เงื่อนไข “เงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท”

 

  • มีกรอบวงเงินจ่ายขาด 56,321 ล้านบาท
  • กำหนดเกษตรกรเป้าหมาย 4.68 ล้านครัวเรือน 
  • ให้เงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท กับเกษตรกร ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือคิดเป็นเงิน 20,000 บาท
  • เป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2566/67 ที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 รอบที่ 1 กับกรมส่งเสริมการเกษตร

  • เบื้องต้นกำหนดช่วงเวลาการจ่ายเงิน ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2566 – 30 ก.ย. 2567

 

 

ตรวจสอบเงินไร่ละ 1,000 ด้วยเลขบัตรประชาชน คลิกที่นี่

ตรวจสอบเงินเยียวยาชาวนา

ล่าสุด ที่ประชุม นบข. มีมติเห็นชอบโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 วงเงินจ่ายขาด 56,321.07 ล้านบาท และได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ นบข.ร่วมกับ ธ.ก.ส. จัดทำรายละเอียดหน่วยงานของรัฐ ต้องเสนอพร้อมกับการขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี ตามมาตรา 27 และมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เพื่อนำเสนอ ครม.พิจารณาต่อไป

 

 

ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถตรวจสอบสถานะการโอนเงินได้ที่ chongkho.inbaac.com คลิกที่นี่ ได้ตั้งแต่วันที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบ จนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2567

 

 

 

 

 

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ