ข่าว

สว.รุมสับ 'ดิจิทัลวอลเล็ต'เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ - จุดจบจะลงเอยแบบ จำนำข้าว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท "ดิจิทัลวอลเล็ต" ของรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน กลายเป็นประเด็นให้ สมาชิกวุฒิสภา สว. ดาหน้าถล่ม ทั้งการขัดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่ชี้แจงรวมถึงแถลงแหล่งที่มาของเงินทุน ละเลยรักษาวินัยการเงินการคลัง ชี้เอาเงินธนาคารออมสินมาใช้ ผิดเต็มประตู

การประชุมวุฒิสภาในช่วงหารือ  ได้มีสมาชิกวุฒิสภา ( สว.)  ทักท้วงถึงการทำโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท "ดิจิทัลวอลเล็ต" ของรัฐบาล เนื่องจากกังวลถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและประชาชน โดยนายเฉลิมชัย เฟื่องคอน สว. หารือ ว่าโครงการแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล  เป็นโครงการที่ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา  162 เนื่องจากไม่ชี้แจงรวมถึงแถลงแหล่งที่มาของเงินทุนที่จะนำมาใช้ รวมถึงสุ่มเสี่ยงขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 62 ซึ่งกำหนดให้รัฐมีหน้าที่ต้องรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด ไม่ให้กระทบต่อเสถียรภาพการเงินการคลังของรัฐ

 

 

 

 

 นอกจากนั้นแล้ว  โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท "ดิจิทัลวอลเล็ต"  ยังเสี่ยงขัดกับกฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐ  ที่กำหนดว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องไม่บริหารราชการแผ่นดิน ที่มุ่งสร้างความนิยมทางการเมือง ที่สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจระยะยาว  ส่วนการที่รัฐบาลจะให้ธนาคารออมสิน รับโครงการดังกล่าวไปดำเนินการแทน โดยใช้เงินของธนาคาร รวม 5.6 แสนล้านบาท และรัฐบาลจะชดเชยให้ภายหลัง    หาก
พิจารณาจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธนาคารออมสิน แล้วเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวจะขัดกับกฎหมายของธนาคาร

 

 

 

"ผมขอให้รัฐบาลพิจารณาให้รอบคอบ หากจะทำเพราะได้หาเสียงไว้  ควรพิจารณาข้อกฎหมาย โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญและกฎหมายการเงินการคลัง หากทำผิดพลาดใครจะรับผิดชอบ  ขอให้ดูโครงการรับจำนำข้าวเป็นตัวอย่าง     ท้ายที่สุดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  ในฐานะประธานวินัยการเงินการคลังของรัฐ รวมถึง คณะรัฐมนตรี   ผมขอให้นำความเห็นผู้ที่คัดค้านไปปรับปรุงแก้ไข"  นายเฉลิมชัย กล่าว

 

.

เตือนควรเน้นเสถียรภาพมากกว่าการสร้างภาระหนี้สิน

.

 

ด้าน นายถวิล เปลี่ยนสี สว.  หารือในประเด็นเดียวกัน โดยย้ำว่านโยบายแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาลเป็นนโยบายที่เป็นปัญหาและไม่ถูกต้องด้วยกาละเทศะ เพราะภาวะเศรษฐกิจไทยไม่อยู่ในภาวะที่ต้องกระตุ้นมากนัก ดังนั้นตนมองว่าควรเน้นเสถียรภาพมากกว่าการสร้างภาระหนี้สินให้รัฐในอนาคต  อย่างไรก็ดีขณะนี้มีนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ รวมถึงผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยท้วงติง  รัฐบาลควรรับฟังเหตุผล

 

 

"รัฐบาลยืนยันทำโครงการ โดยอ้างว่าเป็นความต้องการของประชาชน ผมว่าไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง หากสิ่งใดเป็นพิษต้องไม่ตามใจประชาชน  นายกฯ เหมือนหมอที่รักษาไข้ราษฎร หมอให้ยาพิษเคลือบน้ำผึ้งกับคนไข้ไม่ได้ ประชาชนย่อมไม่รู้ถึงพิษที่เกิดขึ้นจากนโยบายนี้ ผมเสนอแนะว่ารัฐบาลต้องกล้าหาญและยอมรับสารภาพความจริงกับประชาชนว่า ไม่ทำโครงการนี้ ความมุ่งมั่นทำโครงการนี้ไม่ใช่เรื่องกล้าหาญ แต่เป็นเรื่องดื้อรั้นไม่มีเหตุผล ดังนั้นยังมีเวลาจะทบทวน ผมหวังนายกฯ จะรับฟังเสียงท้วงติง" นายถวิล กล่าว

 

 

 

.

ค้านแจกเงินแบบเหวี่ยงแหทุกกลุ่ม

.

 

ขณะที่ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สว. หารือด้วยว่า สินทรัพย์ หรือเงินดิจิทัล ที่ใช้ตลาดเก็งกำไรทั่วโลก เป็นความเสี่ยงหากรัฐบาลจะเข้าไปรับประกันมูลค่าและนำเข้าสู่การซื้อขายเงินคริปโต เพราะมีกรณีของบิตคอยน์ ที่พบว่ามีมูลค่าขึ้นสูงสุด  6.9 หมื่นเหรียญสหรัฐ แต่วันนี้ เหลือ 2.7หมื่นเหรียญสหรัฐ และบิตคอยน์นั้นเชื่อว่าอยู่ในกกลุ่มของฟอกเงินของนักพนัน ผู้ค้าของเถื่อน หลบเลี่ยงภาษีทั่วโลก

 

 

 

ดังนั้นรัฐบาลไม่ควรมองแค่ผลบวกอย่างเดียว  และไม่ควรเอาประเทศไปเสี่ยงในเรื่องดังกล่าว ยืนยันไม่เห็นด้วยที่จะแจกเงินแบบเหวี่ยงแหทุกกลุ่ม เพราะเป็นนโยบายที่ไม่สร้างความเป็นธรรม และทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง ดังนั้นรัฐบาลควรจะทำคือ เน้นการใช้จ่ายภาครัฐ การส่งออก รวมถึงเน้นการลงทุนภาครัฐ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์

 

 

 

"นโยบายแจกเงินนั้นเป็นความเลื่อนลอยที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเป็นความคาดหวังเกินจริง การใช้จ่ายเงินของรัฐ แจก หรือ โอน จะมีมูลค่าต่ำกว่าตัวคูณในการลงทุนของภาครัฐ  ดังนั้นผมขอให้รัฐบาลถอยโครงการนี้และนำเงินไปใช้ในทางที่เหมาะสมของประเทศต่อไป "   นพ.เจตน์ กล่าว

 

 

สว.รุมสับ 'ดิจิทัลวอลเล็ต'เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ - จุดจบจะลงเอยแบบ จำนำข้าว

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  ขณะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน DigitalWallet ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา

.

ขอขอบคุณภาพจาก thaigovt

.


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ