'ไทยเบฟ' แถลงผลประกอบการ 9 เดือนแรก ทุกธุรกิจกำไร สุรา 93,673 ล้าน รองลงมาเบียร์ 93,262 ล้าน พร้อมเร่งขยายร้านอาหารในเครือเพิ่มอีก 43 ร้านค้า
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ ไทยเบฟ แถลงข่าวผลการดำเนินงาน 9 เดือนที่ผ่านมา รายงานสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เปิดเผยว่า ท่ามกลางการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทยเบฟ มุ่งมั่นดำเนินกลยุทธ์เสริมแกร่งให้กับตราสินค้าและสถานะในการตลาดสำหรับทุกกลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 กลุ่มบริษัทไทยเบฟ มีรายได้จากการขาย 215,893 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 เมื่อเทียบกันช่วงเดียวกันของปีก่อน ทุกกลุ่มธุรกิจมีขายได้เพิ่มขึ้น เป็นผลจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
โดยกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดบัญชี หรือ Ebitda อยู่ที่ 37,765 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 3.4 เป็นผลจากปัจจัยโดยรวมทั้งในด้านรายได้จากการขาย การลงทุนตราสินค้าและกิจกรรมทางการตลาด รวมถึงต้นทุนสูงขึ้น ซึ่งไทยเบฟยังคงมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งและกระแสเงินสดอิสระที่ดี
ขณะเดียวกันไทยเบฟตระหนักดีว่า แรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ ต้นทุนด้านพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น ประกอบกับปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง อาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค แต่ยังเชื่อมั่นหลักฐานอันมั่นคงจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของไทยเบฟ
สำหรับผลประกอบการกลุ่มธุรกิจของไทยเบฟ 9 เดือนแรกของปี 2566
ธุรกิจสุรา
รายได้การขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 เป็น 93,673ล้านบาทแม้ปริมาณขายจะลดลงร้อยละ 3.5 แต่ถือว่ายังมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย Ebitda เพิ่มขึ้นเป็น 23,763 ล้านบาท อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย Ebitda สูงขึ้นจากร้อยะล 24.7 เป็นร้อยละ 25.4
นายประภากร ทองเทพไพโรจน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด การเงินและบัญชีกลุ่มและผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจสุรา กล่าวว่า เราได้วางแผนดำเนินงานไว้ล่วงหน้า เพื่อเตรียมตลาดกลับมาอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงเดินหน้าเสริมสร้างตราสินค้าหลักอย่างรวงข้าว หงษ์ทอง แสงโสม และเบลนด์ 285 ซึ่งในตลาดเมียนมาร์ แกรน์ รอยัล วิสกี้ ไทยเบฟยังตงรักษาตำแหน่งวิสกี้อันดับ 1 ไว้ได้ ส่วนในต่างประเทศ ได้ขยายกลุ่มสินค้าระดับพรีเมี่ยมและเสริมความแข็งแกร่งผ่านการซื้อธุรกิจ ลาร์เซน คอนญัก และ คาร์โดรนา ดิสทิลเลอรี่ ดูการเข้าสู่ธุรกิจในครั้งนี้ นับเป็นก้าวแรกของกลุ่มในการเข้าสู่ตลาดคอนญักและตลาดสุราโลกใหม่
ธุรกิจเบียร์
รายได้จากการขายรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 เป็น 93,262 ล้านบาท แม้ปริมาณการขายจะลดลงร้อยละ 5.2
ทั้งนี้พบการขายในเวียดนามยังคงเผชิญความท้าทายจากปัญหาเศรษฐกิจมหภาคที่ส่งผลให้การบริโภคชะลอตัว
สายธุรกิจเบียร์ ประเทศไทย
นายทรงวิทย์ ศรีธรรม ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติม จะมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจผ่านศาลกลยุทธ์หลัก
-Commercial Leadership เน้นการสร้างการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคผ่านมาจำเป็นต่างๆ เช่น ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านมิตรภาพฟุตบอลและดนตรี
-Winning Brand Portfolio และพัฒนาสินค้าที่โดดเด่นภายใต้ตราสินค้าช้าง
- Cost Competitiveness พัฒนา 4 ด้านหลัง ได้แก่ ลดต้นทุนในการผลิตเบียร์ การจัดทรัพยากรในห่วงอุปทาน ลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและส่งเสริมการขาย การพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิต
ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์
รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.6 เป็น 14,822 ล้านบาท เป็นรายได้จากปริมาณขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7
นายโฆษิต สุขสิงห์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานดิจิตอลและเทคโนโลยี ระบุว่า ขณะนี้ผู้บริโภคกลับตัวดีขึ้น ซึ่งได้เร่งเดินหน้าขยายการเติบโตภายใต้แนวทางสำคัญคือ การสานพลังของแบรนด์ปั้นพอร์ตสุดแกร่ง , เร่งสปีดการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคงในทุกมิติ , เดินหน้าขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน
โดยจะตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกโอกาสและทุกกลุ่มเป้าหมาย รองรับผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพที่
มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ส่วนผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์
-โออิชิ กรีนที มุ่งขยายฐานผู้บริโภคและเพิ่มปริมาณการบริโภคอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำคุณประโยชน์ของชาเขียวที่มีทาเคชิน สารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพ รวมถึง ผลักดันกระจายผลิตภัณฑ์ชาเขียวพร้อมดื่มอัดลม "โออิชิ ชาคูลล์ซ่า" ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
-น้ำดื่ม คริสตัล ตอกย้ำจุดยืนผู้นำอันดับ 1 ตลาดน้ำดื่มของประเทศไทยด้วยคุณภาพระดับมาตรฐานสากล เป็นตราสินค้าน้ำดื่มรายแรกสนับสนุนให้คิดเชิงบวก นอกจากจะดีสุขภาพตายแล้วยังดีต่อสุขภาพใจและอารมณ์ด้วย
-เครื่องดื่มอัดลม เอส ยังเดินหน้าขับเคลื่อนพลิกโฉมครั้งใหญ่ รวมถึงได้คนดังเอเชียจากหลากหลายวงการมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อเพิ่มความสดใหม่ให้กับตราสินค้าและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่กล้าแสดงความซ่าอย่างมั่นใจในแบบตนเอง
ธุรกิจอาหาร
รายได้จากการเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.2 เป็น 14,296 ล้านบาท
นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายธุรกิจอาหารประเทศไทย ระบุว่า ผู้บริโภคชาวไทยกลับมารับประทานอาหารนอกบ้าน ประกอบกับนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ส่งผลให้ขณะนี้การบริโภคภายในร้านเริ่มกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 ดังนั้นจึงใช้โอกาสนี้ดำเนินกลยุทธ์เพื่อผลักดันการเติบโตของธุรกิจอาหารด้วยการเดินหน้าขยายสาขาใหม่และเพิ่มการเติบโตของยอดขายของสาขาเดิม
หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญคือการเจาะตลาดให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศโดยปัจจุบันไทยเบฟมีร้านอาหารทั้งหมด 771 ร้าน เปิดเพิ่มทั้งสิ้น 43 ร้านในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งตั้งเป้าเพิ่มการเติบโตของยอดขายด้วยการรังสรรค์เมนูใหม่และจัดกิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลายเพื่อดึงดูดลูกค้า รวมถึงการส่งเสริมลดขยะอาหารจากร้านในเครือและบริจาคอาหารส่วนเกินเพื่อช่วยเหลือชุมชนต่างๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง