ข่าว

'กยท.' พยากรณ์ 'ปรากฎการณ์เอลนีโญ' ข่าวร้ายผลผลิตยางลดลง -ข่าวดีราคาสดใส

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย  "กยท." ประเมินปัจจัยจาก "ปราฎการณ์เอลนีโญ" ในภาคการเกษตร โดยเฉพาะการผลิตยางพารา   ทำใจได้เลยความแปรปรวนของสภาพอากาศ มีผลมาถึงการให้ผลผลิตที่จะปรับตัวลดลง  สวนทางกับความต้องการใช้ยางพาราที่อยู่ในแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง 

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.)  เปิดเผยว่า "ปรากฎการณ์เอลนีโญ" ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และต่อเนื่องไปจนถึงปี 2567 จะทำประเทศในภาคพื้นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศผู้ผลิตยางพารารายใหญ่ของโลก รวมทั้งประเทศไทยได้รับผลกระทบโดยตรง เนื่องจาก "ปรากฎการณ์เอลนีโญ" จะทำให้อุณภูมิสูงขึ้นและฝนจะตกน้อยกว่าค่าปกติ น้ำยางจึงออกมาน้อยกว่าที่ควรจะเป็น  ในขณะที่ความต้องการใช้ยางมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคายางในช่วงปลายปี 2566  และในปีถัดไปมีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่สูงขึ้น แต่จะค่อยเป็นค่อยไป  โดยขณะนี้ราคายางแผ่นรมควัน ชั้น 3  เคลื่อนไหวอยู่ในระดับประมาณ 47 บาท ต่อ กิโลกรัม  และน้ำยางสดราคาประมาณ 43 บาทต่อ กิโลกรัม

 

 

 

ทั้งนี้ "ปรากฎการณ์แอลนีโญ" ที่เกิดขึ้นทำให้ผลผลิตยางลดลง จะเห็นได้จากตัวเลขผลผลิตยางสะสมตั้ง แต่เดือนมกราคม  ถึงปัจจุบันของประเทศผู้ผลิตยางโลกซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีผ่านที่มา โดยมูลค่าการส่งออกยางพาราแปรรูปสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน   ของประเทศไทย ลดลงประมาณ 21% และมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางสะสมลดลงประมาณ 8.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา

 

 

 

สำหรับสถานการณ์ราคายางในช่วงที่ผ่านมา ยังไม่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นนั้น เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว  และประเทศผู้รับซื้อยาง มีการใช้ยางจากสต๊อกยางที่เก็บไว้แทนการนำเข้า  จะเห็นได้จากยอดการผลิตยางรถยนต์และยางรถบรรทุกของโลกไม่ได้ลดลงเลย  โดยในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ยอดการผลิตยางรถยนต์สูงถึง 410.7 ล้านเส้น เพิ่มขึ้น 0.7% เช่นเดียวกับยางรถบรรทุกมียอดการผลิต 47.9 ล้านเส้นเพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา

.

จับตาปัจจัยเชิงบวกตลาดโลกเอื้อราคายาง

.

ส่วนทิศทางของราคายางในช่วงปลายปีนี้ มีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยหนุนในหลายๆ ด้าน  นอกจาก"ปรากฎการณ์เอลนีโญ" ที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศผู้ผลิตยางรายใหญ่แล้ว ประเทศผู้นำเข้ายางรายใหญ่หลายประเทศได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นประเทศสหรัฐอเมริกาและเยอรมัน มีมาตรการจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกานั้น ธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะยุติการขึ้นดอกเบี้ยอีกด้วย

 

 

 

 ในส่วนของประเทศญี่ปุ่น เริ่มผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน ในขณะที่คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้ายางพาราจากประเทศไทยมากที่สุด พยายามรักษาเสถียรภาพการลงทุนภาคเอกชน สร้างการมีส่วนร่วมให้ภาคเอกชนในโครงการสำคัญของรัฐ รวมทั้งมีมาตรการสนับสนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด ดังนั้น หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว จะทำให้ความต้องการใช้ยางเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผลผลิตยางที่ลดลงจากปรากฎการณ์เอลนีโญ ผนวกกับสต๊อกยางของประเทศผู้นำเข้าถูกใช้ไปจนหมดแล้วจะต้องซื้อยางเข้ามาใหม่  รวมทั้งค่าเงินบาทมีแนวโน้มที่อ่อนตัวลงอีกด้วย 

 

'กยท.' พยากรณ์ 'ปรากฎการณ์เอลนีโญ' ข่าวร้ายผลผลิตยางลดลง -ข่าวดีราคาสดใส

ณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.)

 

 

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยหนุนที่จะทำให้ยอดการส่งออกยางของไทยและทิศทางของราคายางจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และต่อเนื่องไปจนถึงปี 2567 อย่างแน่นอน   "ราคายางมีแนวโน้มที่ดีขึ้น  ในขณะที่ปรากฎการณ์เอลนีโญ จะทำให้ผลผลิตมีแนวโน้มลดลง ดังนั้นเกษตรกรชาวสวนยางจะต้องดูแลสวนยางอย่างใกล้ชิดและจัดการสวนยางอย่างถูกต้อง  เพื่อให้ยางสมบูรณ์สามารถกรีดยางได้ตามปกติ  โดยเฉพาะในเรื่องน้ำ เพราะยางพาราเป็นพืชที่ชอบอากาศที่ชุ่มชื้น หากต้นยางได้รับน้ำที่เพียงพอ ก็จะสามารถผลิตน้ำยางได้เพิ่มขึ้น  ดังนั้น ชาวสวนยางต้องวางแผนเรื่องน้ำให้ดี อาจจะต้องหากแหล่งน้ำกักเก็บ หรือขุดสระเก็บน้ำสำรองไว้ใช้ในช่วงที่ขาดแคลนน้ำ  เพื่อให้สามารถกรีดยางได้ เพราะหากราคายางเพิ่มขึ้น แต่เกษตรกรไม่มียางที่จะขาย ราคายางที่เพิ่มขึ้นก็จะไม่เกิดประโยชน์ใดๆต่อเกษตรกรชาวสวนยางเลย"   เขา กล่าว 

 

'กยท.' พยากรณ์ 'ปรากฎการณ์เอลนีโญ' ข่าวร้ายผลผลิตยางลดลง -ข่าวดีราคาสดใส

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ