เทคโนโลยี 'AI' แต้มต่อของภาคธุรกิจนับจากนี้ต่อไปใครมี ระบบAI ในมือคือผู้ชนะ ไม่ต้องกังวลไม่เข้ามาแทนที่คนเพราะจะทำช่วยคนทำงานให้ดีขึ้น แนะนำหาระบบที่เหมาะสมกับบริษัทหนุนให้เติบโตทันโลก
ปฏิเสฐไม่ได้เลยว่าปัจจุบัน "AI" กลายเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในวงการธุรกิจที่นับได้ว่าหากให้ใช้ระบบ "AI" ก็กลายเป็นธุรกิจที่ถือแต้มต่อไปแล้ว เพราะนอกจากจะช่วยให้การทำธุรกิจมีความทันสมัย ก้าวล้ำไปหกว่าคนอื่นๆ "AI" ยังช่วยให้ธุรกิจเติบโตแบบไร้ขีดจำกัดด้วย
ล่าสุด หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เปิดเวที AI Revolution: AI เปลี่ยนโลกธุรกิจ เพื่อเป็นการกระตุ้นและสร้างองค์ความรู้ให้แก่กลุ่มธุรกิจนำข้อมูลองค์ความรู้เข้าไปปรับใช้ เพราะนับจากนี้ไป "AI" จะกลายมาเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนให้ธุรกิจเติบโต ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน รวมไปถึง ระบบการจัดเก็บข้อมูลขนาใหญ่ที่จะช่วยให้คนทำธุรกิจสามารถดึงข้อมูลมาใช้แบบเกิดประโยชน์สูงสุด นับจากนี้ต่อไประบบ AI จะมีความสำคัญอย่างมาก
หนึ่งในองค์กรที่มีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการแทบทุกด้านอย่าง บมจ.ปตท. ได้แชร์ไอเดียและการใช้ "AI" ขับเคลื่อนการทำงานขององค์กรไว้อย่างน่าสนใจ โดย นายอรรถพล ฤกษ์พิบูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. กล่าวว่า แน่นอนว่า "AI" เข้ามาเปลี่ยนวิธีการของทุกวงการไม่ว่าจะเป็นแวดวงการทำธุรกิจ การเรียน หรือการบริการ ที่ผ่านมาเราเริ่มต้นจากยุค ซอร์ฟแวร์ ต่อเนื่องด้วยยุคดาต้า ปัจจุบันมาถึงยุคของ AI ซึ่งเป็นยุคแห่งการรู้แจ้งที่สามารถหาคำตอบได้หมด วิวัฒนาการดังกล่าวทำให้เราเห็นว่าดิจิทัลมีการพัฒนาต่อเนื่อง อนาคต AI จะมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น และจะเกิดสังคมใหม่ที่มนุษย์จะต้องอยู่เทคโนโลยีอัจฉริยะอย่าง AI ที่หลากหลายรูปแบบ ส่งผลให้ทุกอย่ามีการพัฒนาที่ทันสมัยมากที่สุด สิ่งที่ทำให้เรารู้ว่า ระบบ AI เริ่มเข้ามามีบทบาทกับภาคธุรกิจ อย่างชัดเจน คือตัว การสมัครงานที่ผู้สมัครจะต้องมีความสามารถด้าน AI ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีการเปิดรับสมัครแบบก้าวกระโดดมากขึ้นในช่วงปี 2022-2023
นาย อถรรถพล กล่าวต่อไปว่า ในภาคธุรกิจเองระบบ AI มีส่วนในการยกระดับ GDP 13 % ดังนั้น AI จึงกลายเป็oโอกาสใหม่ของภาคธุรกิจโดยเฉพาะ น้ำมัน แก๊ส สามารถสร้างมูลค่าได้มากถึง 8-12 ล้านบาท รวมไปถึงธุรกิตด้าน ยานยนต์ พลังงาน และการบริการอื่นๆ ด้วย อย่างก็ตามที่ผ่านมา ปตท. มีการวางแผนในการนำเอา AI Robotic เข้ามาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจมากมาย และอีกหนึ่งนโยบายที่สำคัญที่ะจต้องใช้ AI คือ การสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ตามแนวทางการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของประเทศไทย ด้วยการใช้ AI Robotic เข้ามาใช้ ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน การรับปริมาณคาร์บอน และการแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตจะต้องทำอย่างไร
ทั้งนี้ ปตท.มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอนในประเทศไทย ซึ่งก่อนที่จะไปถึงจุดนั้นได้จะต้องสร้าง TVER หรือการแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตให้เป็นที่ยอมรับในต่างประเทศเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยน แต่จะทำอย่างนั้นได้จะต้องมีระบบ "AI" เข้าไปช่วยเหลือ ตนเชื่อว่าระบบ "AI" จะกลายมาเป็นส่วนสำคัญในการทำธุรกิจดังนั้นภาคตธุรกิจจะต้องเลือกหาระบบที่เข้ากับตัวเอง เพื่อทรานฟอร์มธุรกิจให้สามารถเติบโตและยั่งยืนไปในยุคที่เทคโนโลยีมีความสำคัญอย่างมากที่จะช่วยพัฒนาธุรกิจเราได้
ด้าน นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ. บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้ง ระบุว่า เป็นเทรนด์ที่จะทำให้ประเทศไทยทรานซิชันไปยังอนาคตได้ ผู้นำ 3,000 คนในบริษัทชั้นนำ ได้ให้ความสำคัญกับ "AI" และมองว่าระบบ AI มีความสำคัญมาก จนทำให้บริษัทชั้นนำทั่วโลกพูดถึง เพราะ "AI" จะเข้ามามีบทบาทในการทำธุรกิจอย่างมาก
สำหรับใครที่กำลังเกิดความกังวลว่าระบบ "AI" จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ต้องบอกว่า ในความเป็นจริงแล้ว AI จะเข้ามาช่วยเพิ่มขีดความสามารถของมนุษย์มากกว่า ตัวอย่างเช่น การที่มี AI จะทำให้อาจารย์กลายเป็นคนที่เก่งขึ้น มี "AI" คอยเป็นผู้ช่วยเหลือส่วนตัว ซึ่งอาจารย์มีสอนที่ดีขึ้น ในอนาคต "AI" จะหาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้กับเรา โดยที่เราไม่ต้องทำอะไร แต่เราจะได้สิ่งที่ดีที่สุดกลับมา นอกจากนี้ตนยังเห็นว่า ในอีก 4 ปีข้างหน้าคนที่เป็นนายกฯจะกลายเป็นคนที่มีเอไอพาวเวอร์มากที่สุด การเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะเป็นการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายที่จะทำโดยคนก็ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง