ข่าว

'เศรษฐา ทวีสิน' แคนดิเดตนายกฯคนที่ 30 กับ เครือญาติ ธุรกิจ 5 ตระกูล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ส่องเครือข่าย ธุรกิจ หมื่นล้าน 'เศรษฐา ทวีสิน' แคนดิเดตนายกฯคนที่ 30 พ่วง 5 ตระกูลเครือญาติ ธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย

นับตั้งแต่ชื่อของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล ถูกตีตกจากที่ประชุมรัฐสภา ไม่สามารถเสนอชื่อเป็น นายกฯคนที่ 30 ได้ ก็ค่อนข้างเป็นที่ชัดเจนว่า “แคนดิเดตนายกคนถัดไป” ชื่อของ “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกฯจากพรรคเพื่อไทย จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย คนต่อไป ในการโหวตนายกรัฐมนตรี รอบที่ 3 ในวันที่ 27 ก.ค. 2566

 

 

 

 

 

นับตั้งแต่มีการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 ปฏิเสธไม่ได้ว่า “เศรษฐา ทวีสิน” นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง อย่างแสนสิริ เป็นที่จับตามอง เมื่อนักธุรกิจหมื่นล้าน กระโดดลงเล่นการเมืองอย่างเต็มตัว โดยทำการโอนหุ้นทั้งหมดให้แก่ลูกสาว เพื่อความขาวสะอาดในการทำหน้าที่ “นักการเมือง” คมชัดลึก รวบรวมธุรกิจที่สำคัญของแคนดิเดตนายกฯคนที่ 30  รวมทั้งข้อมูลจากฐานเศรษฐกิจ ยังพบสายเครือญาติ 5 ธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศไทยด้วย

 

เศรษฐา ทวีสิน

ส่องธุรกิจ เศรษฐา ทวีสิน

 

 

 

 

เศรษฐา ทวีสิน เริ่มทำงานในปี 2529 โดยเป็นผู้ช่วยผู้จัดการผลิตภัณฑ์บริษัท P&G ประเทศไทย (จำกัด) ก่อนหันมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และรับตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท แสนสิริ (มหาชน) 

 

 

 

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)

 

จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2538 ต่อมาได้เริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2539 โดยเศรษฐา เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นอันดับที่ 4 มีจำนวนหุ้น 661,002,734 หุ้น หรือ 4.44% คิดเป็น 786,593,253.46 บาท (ราคา 1.19 บาท ณ วันที่ 11 ต.ค. 2565) ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และก่อนสร้าง ทุนจดทะเบียน 20,343,625,722.40 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 17,715.35 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลัง ดังนี้

 

 

  • ปี 2561 รายได้ 27,039.75 ล้านบาท กำไร 2,045.98 ล้านบาท
  • ปี 2562 รายได้ 25,360.35 ล้านบาท กำไร 2,392.44 ล้านบาท
  • ปี 2563 รายได้ 34,891.03 ล้านบาท กำไร 1,673.09 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้ 29,747.52 ล้านบาท กำไร 2,017.28 ล้านบาท

 

แสนสิริ อสังหาริมทรัพย์

มีรายชื่อเป็นกรรมการบริษัท 5 แห่ง จากจำนวนทั้งหมด 40 แห่ง ที่ค้นพบใน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

 

 

 

1. บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)

 

จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2537 ต่อมาได้เริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2538 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัทฯ แจ้งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับด้านการเงิน การลงทุน ทุนจดทะเบียน 5,373,537,364 บาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคา 13,667.10 ล้านบาท

 

 

  • ปี 2561 รายได้ 30.22 ล้านบาท ขาดทุน 195.84 ล้านบาท
  • ปี 2562 รายได้ 138.70 ล้านบาท กำไร 81.33 ล้านบาท
  • ปี 2563 รายได้ 56.97 ล้านบาท ขาดทุน 16.62 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้ 150.60 ล้านบาท กำไร 88.12 ล้านบาท

 

 

 

2. บริษัท คิวที ไลฟ์สไตล์ จำกัด

 

จดทะเบียนเมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2543 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ การให้เช่าแบบลิสซิ่งผลิตภัณฑ์ที่มีสินทรัพย์ทางปัญญา ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังนี้

 

  • ปี 2561 รายได้ 58,290,055 บาท ขาดทุน 1,377,733 บาท
  • ปี 2562 รายได้ 28,291,078 บาท ขาดทุน 8,103,538 บาท
  • ปี 2563 รายได้ 10,329,031 บาท ขาดทุน 7,465,851 บาท
  • ปี 2564 รายได้ 7,341,606 บาท ขาดทุน 9,381,553 บาท

 

 

3. บริษัท สิริพัฒน์ เซเว่น จำกัด

 

จดทะเบียนเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2562 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเองเพื่ออยู่อาศัย ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

 

 

  • ปี 2562 รายได้ 131 บาท ขาดทุน 77,089 บาท
  • ปี 2563 รายได้ 21,858 บาท ขาดทุน 84,353 บาท
  • ปี 2564 รายได้ 30,240 บาท ขาดทุน 71,580 บาท

 

 

4. บริษัท สิริพัฒน์ ไฟฟ์ จำกัด

 

จดทะเบียนเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2561 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

 

  • ปี 2561 รายได้ 1,406 บาท ขาดทุน 106,244 บาท
  • ปี 2562 รายได้ 33,639 บาท ขาดทุน 1,523,608 บาท
  • ปี 2563 รายได้ 39,412 บาท ขาดทุน 2,033,796 บาท
  • ปี 2564 รายได้ 23,241,267 บาท ขาดทุน 44,010,918 บาท

 

5. บริษัท สุรช จำกัด

 

จดทะเบียนเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2534 โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกล่องกระดาษ ทุนจดทะเบียน 7.5 ล้านบาท โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

 

  • ปี 2561 รายได้ 11,647,608.80 บาท ขาดทุน 672,501.27 บาท
  • ปี 2562 รายได้ 12,921,191.84 บาท ขาดทุน 32,153.41 บาท
  • ปี 2563 รายได้ 11,990,144.73 บาท ขาดทุน 686,695.10 บาท
  • ปี 2564 รายได้ 13,776,507.36 บาท ขาดทุน 35,714.12 บาท

 

 

เศรษฐา ทวีสิน

 

 

นอกจากนี้ ยังพบว่า ตระกูลทวีสิน เป็นหนึ่งในตระกูลที่มีความเกี่ยวข้องกับสายเครือญาติ 5 ธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย อันได้แก่ ตระกูลยิบอินซอย, จักกะพาก, จูตระกูล, ล่ำซำ และบุรณศิริ ซึ่งเป็นสายสกุลของนายเศรษฐา ทวีสิน

 

 

1. ตระกูลยิบอินซอย

 

บริษัท ยิบอินซอย จำกัด

  • ริเริ่มทำธุรกิจเหมืองแร่
  • บุกเบิกธุรกิจด้านการเกษตร : ปุ๋ย และเคมีเกษตรรายแรก ให้แก่เกษตรกรไทย
  • ต่อยอดธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ : ไอทีโซลูชั่น ร่วมพัฒนาระบบไอทีแก่ภาครัฐและเอกชน
  • รวมถึงมีธุรกิจอื่นๆ อาทิ ธุรกิจการนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ระดับ Hi-End

 

ปัจจุบัน ได้มีการต่อยอดเข้าสู่ธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ สำหรับลูกค้าโลจิสติกส์ และพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาด สำหรับลูกค้าโรงผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ หรือโซลาร์ฟาร์ม

 

 

2. ตระกูลจักกะพาก

 

บริษัท เงินทุน เอกธนกิจ จำกัด หรือที่รู้จักกันในนาม ฟินวัน 

 

บริษัทการเงินไทยแสนล้าน กิจการล้มละลายภายใต้การบริหารของ นายปิ่น จักกะพาก อดีตพ่อมดการเงินของประเทศไทย ที่โดนคดียักยอกทรัพย์ ก่อนหลบหนีไปต่างประเทศ ล่าสุดคดีสิ้นสุดอายุความแล้ว

 

 

3. ตระกูลจูตระกูล

 

บริษัท แสนสิริ จำกัด

 

ก่อตั้งระหว่าง  3 ตระกูล ได้แก่ จูตระกูล, ล่ำซำ และ บุรณศิริ ปัจจุบัน นายอภิชาติ จูตระกูล และ นายอภิรักษ์ จูตระกูล ลูกพี่ลูกน้องของนายเศรษฐา ทวีสิน รับหน้าที่บริหารกิจการ

 

บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด

 

นางชฎาทิพ จูตระกูล ภรรยาของนายอภิชาติ จูตระกูล เป็นผู้บริหารธุรกิจศูนย์การค้าภายใต้บริษัทสยามพิวรรธน์ อาทิ Icon Siam, Siam Paragon และ Siam Discovery ศูนย์การค้าชั้นนำใจกลางกรุงเทพมหานคร

 

 

 

4. ตระกูลล่ำซำ

 

ธนาคารกสิกรไทย

 

ก่อตั้งโดยนายโชติ ล่ำซำ นายจุลินทร์ ล่ำซำ และ นายเกษม ล่ำซำ ทายาทรุ่นที่ 3 ส่งต่อการบริหารให้แก่ นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานคณะกรรมการ ก่อนกล่าววางมือในปี 2563 ปัจจุบัน เกษียณอายุแล้ว แต่ยังคงพ่วงตำแหน่งประธานกิตติคุณของธนาคารกสิกรไทย ก่อนลงมาทุ่มเทให้กับโครงการ “รักษ์ป่าน่าน” และโครงการ “น่านแซนด์บ็อกซ์” อย่างเต็มตัว ที่ จ.น่าน

 

 

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

 

ก่อตั้งบริษัทโดย นายจุลินทร์ ล่ำซำ และส่งต่อธุรกิจมารุ่นสู่รุ่น ปัจจุบัน ได้ นายสาระ ล่ำซำ ทายาทรุ่นที่ 5 ลูกชายคนเล็กของนายโพธิพงษ์ ล่ำซำ เข้ามารับช่วงบริหารต่อ

 

 

บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)

 

อดีต ดำเนินธุรกิจภายใต้บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต ก่อนแยกตัวออกมาในปี 2541 โดยมีนายโพธิพงษ์ ล่ำซำ เป็นผู้บริหารธุรกิจ ปัจจุบัน ได้ นางนวลพรรณ ล่ำซำ ลูกสาว หัวหน้าสโมสรฟุตบอลการท่าเรือในไทยลีก ประธานกิตติมศักดิ์ของ บริษัท ซังออนอเร่ (กรุงเทพ) จำกัด นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ HERMÈS จากประเทศฝรั่งเศส และอื่นๆอีกมากมาย เข้ามารับช่วงบริหารต่อ

 

 

 

5. ตระกูลบุรณศิริ

 

บริษัท แสนสิริ จำกัด

 

ปัจจุบัน มีนายวัณจักร์ บุรณศิริ อดีตรองประธานบริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น

 

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูล : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, ฐานเศรษฐกิจ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ