“บัตรคนจนเดือน ก.ค. 2566” ใครได้สิทธิบ้าง หลังจาก “ยื่นอุทธรณ์บัตรคนจน” หรือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามที่กระทรวงการคลัง ได้ส่งข้อมูลผู้ที่ขอยื่นอุทธรณ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2566 กรณีไม่ผ่านคุณสมบัติ ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 และได้ประกาศผลการพิจารณาคุณสมบัติรอบอุทธรณ์ ในวันที่ 12 มิ.ย. 2566
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มีผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติรอบอุทธรณ์บัตรคนจน จำนวน 26,696 ราย ซึ่งผู้ที่ขออุทธรณ์สามารถตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติได้ 3 ช่องทาง
ช่องทางตรวจสอบ ยื่นอุทธรณ์บัตรคนจน
- ตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติด้วยตนเอง ผ่านทางเว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คลิกที่นี่ ได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 23.00 น. ของทุกวัน
- ตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสินธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) สำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ ที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร ทั้ง 50 เขต และศาลาว่าการเมืองพัทยา
- โทรศัพท์สอบถามได้ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และ Call Center โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วันจันทร์ – วันศุกร์ตามเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน
“อุทธรณ์บัตรคนจน” ผ่านแล้ว ทำอย่างไรต่อ
- ยืนยันตัวตนได้ที่ ธนาคารกรุงไทยฯ, ธนาคารออมสิน หรือ ธ.ก.ส. ได้ตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย. 2566 เป็นต้นไป โดยจะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนด้วย ณ ธนาคารดังกล่าว ตามวันและเวลาทำการของแต่ละธนาคาร
- เมื่อยืนยันตัวตนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะสามารถตรวจสอบสถานะการยืนยันตัวตนของตนเอง ผ่านทางเว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คลิกที่นี่ หรือติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามเวลาทำการของแต่ละหน่วยงานได้ในวันถัดไป
- ธ.ก.ส. และธนาคารออมสิน จะให้บริการยืนยันตัวตนจนถึงวันที่ 27 ส.ค. 2566 สำหรับธนาคารกรุงไทยฯ จะให้บริการยืนยันตัวตน โดยยังไม่มีกำหนดวันสิ้นสุดการให้บริการ สำหรับการยืนยันตัวตนในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ให้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละธนาคาร
- ผู้ลงทะเบียนที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับหมายเลขประจำตัวประชาชนเพื่อรับสิทธิสวัสดิการ โดยสามารถผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคารใดก็ได้ ทั้งนี้ การผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้ล่วงหน้า จะทำให้ผู้ได้รับสิทธิสามารถรับสิทธิสวัสดิการในกรณีที่ภาครัฐมีสวัสดิการที่จะโอนเข้าบัญชีในอนาคตได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
- ผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ ที่ดำเนินการยืนยันตัวตนภายในวันที่ 12-26 มิ.ย. 2566 และตรวจสอบพบว่า ผ่านการยืนยันตัวตน (e-KYC) จะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2566 แต่หากผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ ยืนยันตัวตนหลังวันที่ 26 มิ.ย. 2566 จะสามารถใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยมีรายละเอียดวันที่ยืนยันตัวตน วันเริ่มใช้สิทธิได้ และสิทธิที่ได้ย้อนหลัง ดังนี้
เช็กรอบโอนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
รอบอุทธรณ์ วันที่เริ่มใช้สิทธิได้ สิทธิที่ได้ย้อนหลัง
- 12 มิ.ย.-26 มิ.ย. 2566 ใช้สิทธิ 1 ก.ค. 2566 ย้อนหลัง เม.ย.- มิ.ย. 2566 (3 เดือน)
- 27 มิ.ย.-26 ก.ค. 2566 ใช้สิทธิ 1 ส.ค. 2566 ย้อนหลัง เม.ย. - ก.ค. 2566 (4 เดือน)
- 27 ก.ค.-26 ส.ค. 2566 ใช้สิทธิ 1 ก.ย. 2566 ย้อนหลัง เม.ย.-ส.ค. 2566 (5 เดือน)
- 27 ส.ค.-26 ก.ย. 2566 ใช้สิทธิ 1 ต.ค. 2566 ย้อนหลัง เม.ย.-ก.ย. 2566 (6 เดือน)
- 27 ก.ย. 2566 เป็นต้นไป วันที่ 1 ของเดือนถัดไป ไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง
ทั้งนี้ ผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ที่ได้รับสิทธิที่ดำเนินการยืนยันตัวตนภายในวันที่ 26 ก.ย. 2566 จะได้รับวงเงินสิทธิสวัสดิการย้อนหลัง ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2566 เฉพาะวงเงินในส่วนของการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และร้านอื่นๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด (จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน) เท่านั้น กรณีมีวงเงินคงเหลือ จะไม่มีการสะสมไปในเดือนถัดไป
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติที่ไม่สามารถดำเนินการยืนยันตัวตนได้ด้วยตนเอง ได้แก่ ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุ ที่ไม่สามารถเดินทางมายืนยันตัวตนได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมายืนยันตัวตนแทนได้ โดยจะต้องใช้เอกสาร ดังต่อไปนี้
- บัตรประจำตัวประชาชนผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ (ผู้ได้รับสิทธิ)
- หนังสือมอบอำนาจการยืนยันตัวตน คลิกดาวโหลด
- บัตรประจำตัวประชาชนผู้รับมอบอำนาจ
- บัตรประจำตัวคนพิการ (ถ้ามี) หรือใบรับรองแพทย์ (ถ้ามี)
- ใบสำคัญการหย่าหรือ ใบมรณบัตร หรือหนังสือรับรองการตาย หรือทะเบียนบ้านที่มีการจำหน่ายตาย(เฉพาะผู้ผ่านเกณฑ์แบบมีเงื่อนไขที่ได้ยื่นเอกสารหนังสือประกอบการพิจารณา กรณีผู้ลงทะเบียนไม่สามารถติดตามคู่สมรสมาเพื่อดำเนินการหย่าตามกฎหมายได้ แบบฟอร์มที่ 2)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง