ข่าว

'บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เปิดบัญชีธนาคาร' ทำอย่างไร เมื่อต้องมี บัญชีพื้นฐาน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เปิดบัญชีธนาคาร' ทำอย่างไร เมื่อต้องมี บัญชีพื้นฐาน กระทรวงการคลัง มีคำตอบ เช็กวิธีได้ที่นี่

“บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เปิดบัญชีธนาคาร” ต้องทำอย่างไร สำหรับผู้ที่ “ยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2566” สำเร็จ ตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 (โครงการฯ) แต่ยังไม่มีบัญชีธนาคารใดเลย จะต้องติดต่อธนาคารขอเปิด บัญชีเงินฝากพื้นฐาน  

 

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผู้ผ่านเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน ที่ยังไม่มีบัญชีธนาคาร จะต้องเปิดบัญชีธนาคาร และผูกบัญชีพร้อมเพย์กับหมายเลขประจำตัวประชาชน โดยสามารถเปิด “บัญชีพื้นฐาน” ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝาก ที่ไม่กำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำในการเปิดบัญชี

 

ทั้งนี้ บัญชีเงินฝากพื้นฐาน เป็นการให้บริการเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ที่ลงทะเบียนภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป โดยผู้ที่ประสงค์จะเปิดบัญชีดังกล่าว สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเปิดบัญชีได้จากธนาคารพาณิชย์ทั้ง 14 แห่งทุกสาขาทั่วประเทศ

 

เอกสารที่ใช้ในการเปิดบัญชีเงินฝากพื้นฐาน

 

  • บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง (Smart Card)
  • บัตรประจำตัวประชาชนรุ่นเก่าไม่มีชิป (แนบเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ 2 อย่าง เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาใบขับขี่, สำเนาบัตรข้าราชการ/บัตรพนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือ สำเนา Passport)
  • บัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ยังไม่หมดอายุในวันที่เปิดบัญชี (หากมี)

บัญชีเงินฝากพื้นฐาน

เพิ่มช่องทางยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

 

สำหรับ ผู้ผ่านเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถไปยืนยันตัวตนได้ที่ธนาคารกรุงไทยฯ ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ตามวันและเวลาของแต่ละหน่วยงาน ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคม 2566 ผู้ผ่านเกณฑ์สามารถยืนยันตัวตนได้ทุกวัน รวมวันเสาร์-อาทิตย์ โดยสาขาทั่วไปตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. และสาขาในห้างสรรพสินค้า ตั้งแต่เวลา 11.00-16.00 น. เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป

 

ช่องทางยื่นอุทธรณ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

 

  1. ขออุทธรณ์ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คลิกที่นี่ ตั้งแต่เวลา 6.00 น. ถึง 23.00 น.ของทุกวัน
  2. หรือขออุทธรณ์ผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่
  • ธนาคารออมสิน
  • ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ)
  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
  • สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด
  • ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ
  • สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร
  • ศาลาว่าการเมืองพัทยา ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคม 2566 ผู้ลงทะเบียนสามารถขอตรวจสอบผลการพิจารณาคุณสมบัติ และขออุทธรณ์ได้ที่ สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัดได้ทุกวัน รวมวันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 8.30 – 16.30 น. ตั้งแต่วันที่11 มีนาคม 2566

ช่องทางยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ผ่านเกณฑ์และยืนยันตัวตนสำเร็จ ซึ่งประสงค์ที่จะ "ลงทะเบียนรับสิทธิ ลดค่าน้ำ-ค่าไฟ" บรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา (มาตรการบรรเทาฯ) จะต้องลงทะเบียนขอรับสิทธิใหม่ทุกคน โดยสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป กับหน่วยงานผู้ให้บริการที่ผู้ผ่านเกณฑ์รับบริการอยู่ ดังนี้

 

1. การลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้า สามารถลงทะเบียนได้ที่

 

  • สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) หรือผ่านเว็บไซต์ การไฟฟ้านครหลวง คลิกที่นี่ เบอร์ติดต่อ 1130
  • สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือผ่านเว็บไซต์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค คลิกที่นี่ เบอร์ติดต่อ 1129
  • กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ (กทร.) หรือผ่านเว็บไซต์ กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ คลิกที่นี่ เบอร์ติดต่อ 086 848 1284

 

2. การลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปา สามารถลงทะเบียนได้ที่

 

  • สำนักงานการประปานครหลวง (กปน.) หรือผ่านเว็บไซต์ การประปานครหลวง คลิกที่นี่ เบอร์ติดต่อ 1125 
  • สำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) หรือผ่านเว็บไซต์ การประปาส่วนภูมิภาค คลิกที่นี่ เบอร์ติดต่อ 1662

 

ทั้งนี้ หากลงทะเบียนรับสิทธิ ลดค่าน้ำ-ค่าไฟ กับ กฟน. หรือ กฟภ. สำเร็จภายในวันที่ 8 เมษายน 2566 เวลา 17.00 น. หรือลงทะเบียนกับ กทร. สำเร็จภายในวันที่ 20 เมษายน 2566 เวลา 17.00 น. และ/หรือลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปากับ กปน. หรือ กปภ. สำเร็จภายในวันที่ 25 มีนาคม 2566 เวลา 17.00 น. จะได้รับสิทธิเดือนแรก คือ “ใบแจ้งหนี้ค่าบริการเดือนเมษายน 2566”

 

สำหรับผู้ที่ใช้สิทธิตามมาตรการบรรเทาฯ ให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 และปี 2561 จะสามารถใช้สิทธิในรอบใบแจ้งหนี้ค่าบริการเดือนมีนาคม 2566 เป็นเดือนสุดท้าย โดยสามารถนำใบแจ้งหนี้ค่าบริการที่ค้างชำระในช่วงที่ได้รับสิทธิตามมาตรการบรรเทาฯ ไปชำระเพื่อขอรับเงินสนับสนุนได้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2566

 

โฆษกกระทรวงการคลังย้ำว่า ผู้ผ่านเกณฑ์สามารถเข้าร่วมมาตรการบรรเทาฯ ได้ทุกคน แต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขสวัสดิการของมาตรการบรรเทาฯ ที่กำหนดการให้สวัสดิการแบบ 1 ครัวเรือนต่อ 1 สิทธิต่อ 1 รหัสประจำบ้าน ซึ่งสามารถลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้าได้เพียงผู้ให้บริการ 1 หน่วยงาน เช่นเดียวกันกับค่าน้ำประปา ที่สามารถลงทะเบียนรับสิทธิค่าบริการได้เพียงผู้ให้บริการ 1 หน่วยงาน

 

 

อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าการ ยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2566 ของผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ (ผู้ผ่านเกณฑ์) ตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 (โครงการฯ) ณ วันที่ 10 มีนาคม 2566 เวลา 13.00 น. มีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จจำนวนทั้งสิ้น 5,702,819 ราย สำหรับจำนวนผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ณ วันที่ 10 มีนาคม 2566 เวลา 13.00 น. จำนวนทั้งสิ้น 861,038 ราย

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ