ข่าว

'โฆษกรัฐบาล' เปิดตัวเลข BOI ชี้นักลงทุน มูลค่ารวมปี 65 ทะลุ 6.6 แสนล้าน

'โฆษกรัฐบาล' เปิดตัวเลข BOI ชี้นักลงทุน มูลค่ารวมปี 65 ทะลุ 6.6 แสนล้าน

02 มี.ค. 2566

โฆษกรัฐบาล เปิดตัวเลข BOI ชี้นักลงทุนจีนทำ FDI มาเป็นอันดับหนึ่ง มูลค่ารวมปี 2565 กว่า 6.6 แสนล้านบาท มีจำนวน 2,119 โครงการ รัฐบาลพร้อมผลักดันไทย ให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอนาคต รับเศรษฐกิจดิจิทัล

2 มี.ค. 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มีนโยบายผลักดันยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมในการลงทุนในอนาคตของไทยให้เป็นผลรูปธรรม ซึ่งในปี 2565 มีตัวเลขยอดโครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 2,119 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 6.6 แสนล้านบาท

 

ด้วยยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนของ BOI เพื่อช่วยดึงดูดการลงทุนไทยมากขึ้น เช่น มาตรการรักษาและขยายฐานการผลิตเดิม มาตรการส่งเสริมการย้ายฐานธุรกิจ และมาตรการ LTR (Long Term Resident visa) เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย 

 

นอกจากนี้ BOI ได้ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ยกระดับอุตสาหกรรมเดิม ที่มีความโดดเด่นควบคู่กับการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพ และสร้างความเข้มแข็งให้กับห่วงโซ่อุปทาน ระบบโลจิสติกส์ ทั้งนี้ BOI ได้กำหนดอุตสาหกรรมอนาคตที่มุ่งจะพัฒนาในช่วงระยะเวลา 3-5 ปีข้างหน้า ได้แก่ BCG EV Electric Digital และ Creative เพื่อตั้งรับกับเศรษฐกิจดิจิทัล

 

จากข้อมูลการลงทุนในปี 2565 บริษัทข้ามชาติรายใหญ่ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีโครงการที่ขอรับการส่งเสริมมีจำนวน 2,119 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนกว่า 6.6 แสนล้านบาท โดยคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI (Foreign Direct Investment) มีมูลค่ารวมกว่า 4.3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 36%

 

โดยมูลค่าคำขอสูงที่สุด ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน และสิงคโปร์ ตามลำดับ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิตและการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาค
 

“นายกรัฐมนตรี เร่งผลักดันแผนพัฒนาเศรษฐกิจการลงทุนของไทย ในประเด็นการส่งเสริมลงทุนจากต่างชาติ และเชื่อมั่นว่ารัฐบาลไทยดำเนินการมาอย่างถูกทาง ส่งเสริมมาตรการเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งประเด็นที่เกี่ยวกับกฎหมายและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาศักยภาพเพิ่มโอกาสทางการแข่งขัน 

 

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าไทยมีความโดดเด่น เป็นต่อในสายตานักลงทุนหลายด้าน ทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ ฐานซัพพลายเชนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค โดยเฉพาะผู้ผลิตวัตถุดิบและชิ้นส่วนรองรับอุตสาหกรรม บุคลากร/แรงงานมีขีดความสามารถ รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้จากการลงทุน ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญในสายตาต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุนตลอดมา ทั้งนี้ รัฐบาลมุ่งมั่นทำงานต่อไป เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจไทยทั้งภาพรวม และฐานราก เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนไทยทุกคน” นายอนุชาฯ กล่าว