‘ช้าง’ พบเทรนด์นักดื่มมุ่งนั่งชิล ไม่เน้นปาร์ตี้ใหญ่

สถานการณ์โควิดคลี่คลายกลายเป็นโรคประจำถิ่น บวกกับตลาดการท่องเที่ยวของไทยและทั่วโลกกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากมีการเปิดประเทศ ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวอย่างธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ถูกล็อกดาวน์เป็นเวลานานกลับมาได้รับอานิสงนี้เต็มๆ 

นายเลสเตอร์ ตัน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย บริษัท ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ฉายให้เห็นภาพของการเติบโตในธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ว่า  หลังจากสถานการณ์ไวรัสโควิด 19 คลี่คลาย กระแสการดื่มเบียร์ในปีนี้เปลี่ยนไป จากเดิมรวมกลุ่มสังสรรค์แบบ ไฮท์ เอนเนอร์จี ( High Energy) คือดื่มเบียร์ในงานที่เป็นกลุ่มคนมากมาย งานเลี้ยงเป็นกลุ่มใหญ่ๆ งานสังสรรค์ งานเฮฮาปาร์ตี้หมู่คณะแบบหนักๆ เป็นต้น เปลี่ยนเป็นแนวโลว์เอ็นเนอร์จี (Low Energy) คือการดื่มเบียร์แบบชิลๆ ในทุกบรรยากาศคือการรวมตัวดื่มในบรรยากาศสบายๆ สังสรรค์ในช่วงเวลาดีๆ หรือดื่มสบายๆ คนตามลำพัง

“เครื่องดื่มเบียร์เปิดตลาด จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทยเพิ่มมากขึ้น มั่นใจว่าปีนี้ตลาดเบียร์เติบโตขึ้นแน่นอน” นายเลสเตอร์ ตัน กล่าว

ผู้บริหารช้างโคลด์ บรูว์ บอกอีกว่า ภายในเดือนกันยายนนี้ จึงทุ่มเงิน 1,000 ล้านบาท เสริมความแข็งแกร่งทางการตลาด ให้ประชาชนเข้าถึงเบียร์ช้างโคลด์ บรูว์ ให้ได้ กระจายสินค้าให้ครบทุกช่องทาง เน้นไปที่ผู้ค้าปลีก เช่น ร้านดื่มกิน ร้านค้าสมัยใหม่ พร้อมขยายฐานผู้บริโภค จับกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานคร และหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ เพราะมีเสียงสะท้อนว่าหาซื้อยาก 

นายเลสเตอร์ ตัน  เล่าอีกว่า ปีนี้จะออกนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ จัดกิจกรรมดนตรีและคอนเสิร์ตทั้งในประเทศและระดับสากลตลอดทั้งปี ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งสัดส่วนพอร์ตเบียร์แมสพรีเมียมช้างจากตอนนี้ตัวเลขไม่ถึงหลัก 2 ให้ได้ร้อยละ 15 ภายในปีนี้

“ในปี 2665 เบียร์ แมสพรีเมียม เป็นส่วนที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยมูลค่าตลาด 25,000 ล้านบาท และอัตราการเติบโตที่สูงถึงร้อยละ 10 โดยผลิตภัณฑ์ช้างโคลด์ บรูว์ ถือได้ว่าขับเคลื่อนตลาดอย่างแท้จริง จากการประสบความสำเร็จอย่างสูง คว้าตำแหน่งการเติบโตอันดับ 1 ในบรรดาเบียร์ที่เปิดตัวใหม่ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา”