ข่าว

“ส.อ.ท.” ชี้ หากน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 54 กระทบเชื่อมั่น นักกลงทุน ตปท.ระยะยาว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“ส.อ.ท.” จับตาสถานการณ์น้ำท่วมปีนี้อย่างใกล้ชิด ชี้หากเกิดวิกฤติเหมือนปี 54 กระทบความเชื่อมั่น นักลงทุน ตปท.ระยะยาว แต่หากปีนี้ป้องกันได้ ก็จะกลายเป็นผลดี เพิ่มความเชื่อมั่นการลงทุน ในอนาคตเช่นกัน

สถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ (2565) ดูเหมือนว่าจะรุนแรงและขยายวงกว้างออกไปเกือบทุกพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะลุ่มน้ำสำคัญต่างๆ อย่าง ลุ่มน้ำเจ้าพนระยาในพื้นที่ภาคกลาง ที่ถือว่ามีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มากมาย อยู่ในพื้นที่ 

 

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่มาร่วมงานสัมนา "Thailand Ecodomic 2023" ที่จัดขึ้นโดย กรุงเทพธุรกิจ บริษัทในเครือ เนชั่น กรุ๊ป ในโอกาสฉลองครอบรอบ 36 ปี และร่วมปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ  "ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ 2023 รอดหรือร่วง" ได้กล่าวถึงมาตรการรับมือ - ป้องกัน น้ำท่วม ของนิคมอุตสาหกรรม ทั้ง 7 แห่ง ภายในปีนี้  โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมในภาคกลาง อย่าง นิคมอุตสากหกรรมโรจนะ นวนคร บางกระดี บางปู ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง 

“ส.อ.ท.” ชี้ หากน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 54 กระทบเชื่อมั่น นักกลงทุน ตปท.ระยะยาว
 

นายเกรียงไกร เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ ยอมรับว่ามีความกังวล หลังดูข้อมูลการวิเคราะห์จากหน่วยงานต่างๆ ที่บอกว่า น้ำท่วมปีนี้จะหนัก ช่วงนี้จึงต้องกำชับให้นิคมอุตสาหกรรม เฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะไม่อยากให้เป็นฝันร้ายเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554

 

เพราะครั้งนั้น 7 นิคมอุตสาหกรรม หลายพันโรงงานต้องจมน้ำ และไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก

 

เพราะฉนั้นจึงมีการเฝ้าระวัง โดยช่วงแรก นิคมอุตสาหกรรม โรงงาน ที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมเมื่อปี 2554 ในภาคกลาง ก็เฝ้าระวังและสถานการณ์ตลอด

 

ซึ่งในปีนี้สถานการณ์น้ำท่วมยังไงก็ไม่เลวร้ายเท่ากับปี 2554 แต่ก็ประมาทไม่ได้  ทุกโรงงานมีการเตรียมกระสอบทราย เครื่องสูบน้ำ เเละอื่น ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันน้ำท่วมไว้เเล้ว พร้อมมีการวางแผนรับมือควบคู่กันไป

 

“ส.อ.ท.” ชี้ หากน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 54 กระทบเชื่อมั่น นักกลงทุน ตปท.ระยะยาว  

แต่ถ้าหากเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น เพราะภัยธรรมชาติไม่สามารถล่วงรู้ได้ แน่นอนว่า สิ่งนี้จะสร้างผลกระทบอย่างมหาศาล ในเรื่องความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศ ที่จะเข้ามาลงทุนในอนาคต  ไม่ต้องท่วมถึง 7 นิคมอุตสาหกรรม แค่ 1-2 นิคมอุตสาหกรรม ในพื้นที่ภาคกลาง ก็จะส่งผลกระทบถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะยาวแน่นอน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีมาตรการและวางแผนบริหารจัดการน้ำในเรื่องนี้ให้ดีและรัดกุมด้วย 

 

แต่ถ้าหากมองในมุมกลับกัน เราสามารถผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ ก็จะกลายเป็นผลดี ในการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั้งไทย และต่างประเทศ ระยะยาวได้เช่นกัน

 

ปัจจุบัน ผู้บริหารของนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ได้มีการติดต่อกับภาครัฐ ก็มีการเฝ้าระวัง และมีวอร์รูมในการมอร์นิเตอร์ติดตามตลอดเวลาอยู่แล้ว  เพราะเป็นหน้าที่โดยตรง เพียงแต่ว่าในเรื่องนี้ ภาคเอกชนถือเป็นฝ่ายตั้งรับ แต่ฝ่ายที่จะดูแลในภาพรวมทั้งหมด คือภาครัฐ ที่มีหน้าที่ป้องกันและบริหารจัดการ   ส่วนการบริหารอย่างไรนั้นเป็นหน้าที่ทางภาครัฐ ที่จะต้องทำ เพราะฉนั้นต่างคนต่างทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจร่วมกัน

 

ส่วนการปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ  "ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ 2023 รอดหรือร่วง" นายเกรียงไกร มองว่า   ในอนาคตจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในภาคอุตสาหกรรม โดยมีอุตสาหกรรมใหม่ๆเกิดขึ้น โดยให้โมเดลเศรษฐกิจ BCG  เป็นวาระแห่งชาติ  และการทำธุรกิจในอนาคตต้องคำถึงภาวะโลกร้อน เพราะทั่วโลกให้ความสำคัญเรื่องนี้ 

 

โดยประเทศไทยถือว่ามีศักยภาพที่ทำได้เร็ว เพราะเรามีวัตถุดิบที่เพียงพอ สำหรับที่จะเดินหน้าตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่สำคัญภาครัฐต้องให้การสนับสนุน ให้ธุรกิจนี้ขับเคลื่อนไปได้  โดยการแก้ไขข้อจำกัดและเงื่อนที่ล้าหลังทางด้านกฎหมาย อุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนา ตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG ในอนาคต 
 

 

“ส.อ.ท.” ชี้ หากน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 54 กระทบเชื่อมั่น นักกลงทุน ตปท.ระยะยาว “ส.อ.ท.” ชี้ หากน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 54 กระทบเชื่อมั่น นักกลงทุน ตปท.ระยะยาว

 

ติดตาม คมชัดลึก ที่นี่
เพิ่มเพื่อน Line: https://lin.ee/qw9UHd2
Facebook : https://www.facebook.com/komchadluek/

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ