อายิโนะโมะโต๊ะ ชู “โรงงานกำแพงเพชร” ต้นแบบโรงงานสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
-อายิโนะโมะโต๊ะ ชู “โรงงานกำแพงเพชร” ต้นแบบโรงงานสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน หนุนพลังงานทดแทน ขับเคลื่อนกระบวนการผลิตรักษ์โลก สู่องค์กรธุรกิจคาร์บอนต่ำ
“อายิโนะโมะโต๊ะ” ขับเคลื่อนยุทธศาสต์ลดโลกร้อน ทุ่มทุนกว่า 1,500 ล้านบาท ก่อสร้าง “โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมจากชีวมวล” เดินหน้าผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อลดการใช้กระแสไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานที่ก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ชู “โรงงานกำแพงเพชร” ฐานการผลิต ผงชูรส อายิโนะโมะโต๊ะ® และวัตถุปรุงแต่งรสอาหารไรโบนิวคลีโอไทด์ อายิไทด์ ไอพลัสจี® นำร่องต้นแบบโรงงานสีเขียว “Eco- greenest friendly factory” ของกลุ่มบริษัทในประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการทุ่มเทเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้ได้ 50% พร้อมมุ่งสู่ “ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)” และ เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593
พิธีเปิดอย่างเป็นทางการ “โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมจากชีวมวล” ได้จัดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ โดยมี มร.อิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นประธานในพิธีฯ ร่วมด้วย เชาวลิตร แสงอุทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ดร.อรทัย พงศ์รักธรรม ที่ปรึกษาโครงการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยและฝ่ายเลขาธิการองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน รองเพชร บุญช่วยดี รองผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก และคณะสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน พร้อมเยี่ยมชมโรงงานต้นแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม ณ โรงงานอายิโนะโมะโต๊ะ จังหวัดกำแพงเพชร
มร.อิชิโระ ซะกะกุระ กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ มุ่งตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Resilience) ด้วยการดำเนินธุรกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG-Bio-Circular-Green Economy) เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิตผลิตภัณฑ์และบริการ ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมครอบคลุมถึงการดำเนินการเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงานทดแทนหรือพลังงานหมุนเวียน การจัดการของเสีย และการใช้น้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในปี พ.ศ. 2544 บริษัทฯ ได้ก่อตั้งบริษัท เอฟ ดี กรีน (ประเทศไทย) จำกัดขึ้นเพื่อเป็น “บริษัทต้นแบบทางธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม” ของกลุ่มบริษัทฯ ในการจัดการกับ “ผลิตภัณฑ์ร่วม” ที่ได้จากกระบวนการผลิตผงชูรสและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อประโยชน์ทางการเกษตร และยังได้ทุ่มงบประมาณในการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างต่อเนื่อง อาทิ เทคโนโลยีหม้อต้มไอน้ำพลังงานชีวมวล ซึ่งใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิงทางชีวภาพในการผลิตไอน้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมันเตา การติดตั้ง “Solar Rooftop” บนพื้นที่หลังคาอาคารโรงงาน ฯลฯ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ถึง 130,000 ตันต่อปี และในปีนี้ บริษัทฯ ได้ลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท เพื่อก่อสร้าง “โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมจากชีวมวล” ด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้า 9.9 เมกะวัต ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่ดำเนินธุรกิจตามแนวทางกลไกการพัฒนาที่สะอาดเช่นกัน โดยเริ่มผลิตไฟฟ้าตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะสามารถลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มได้อีกกว่า 50,000 ตัน/ปีทำให้เราสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมได้กว่า 180,000 ตันต่อปี หรือ เทียบเท่าการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ใหญ่กว่า 20 ล้านต้น”
มร.ทะกุมิ คะซะริโมะโตะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวเสริมว่า “การดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมจากชีวมวลแห่งนี้ ช่วยให้เราสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2561 ทุกโรงงานและสถานประกอบการของเรายังยึดนโยบายและแนวปฏิบัติที่เคร่งครัดต่อการอนุรักษ์และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าสูงสุด ตามหลักการ 3 R (Reduce, Reuse, Recycle) รวมถึงการจัดการของเสียและการบำบัดน้ำเสียด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย จนทำให้ได้คุณภาพสูงกว่าค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ เรามุ่งมั่นที่จะเป็น “กลุ่มบริษัทผู้ส่งมอบแนวทางการแก้ปัญหาและนวัตกรรมที่เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพ” โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการทรัพยากรและการทำงานเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อันเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย "การสร้างคุณค่าร่วมกับสังคมของอายิโนะโมะโต๊ะ” (The Ajinomoto Group Creating Shared Value: ASV) ที่เรายึดมั่นเสมอมา”
ดร.อรทัย พงศ์รักธรรม ที่ปรึกษาโครงการ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และฝ่ายเลขาธิการองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (TBCSD) กล่าวเพิ่มว่า “TBCSD เกิดจากการรวมตัวกันขององค์กรภาคธุรกิจที่เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดย อายิโนะโมะโต๊ะฯ ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2564 และได้ขับเคลื่อนธุรกิจและดูแลสังคมมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมชีวมวลนี้ นับเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการร่วมสนับสนุนการขับเคลื่อนตามวาระแห่งชาติ BCG Model ทั้งเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่เป้าหมายความยั่งยืน
ผลจากการทุ่มเทข้างต้น ทำให้ อายิโนะโมะโต๊ะโรงงานกำแพงเพชร ได้รับการรับรองจากสถาบันต่างๆมากมาย เช่น เมื่อปี พ.ศ. 2551 องค์การบริหารการจัดการก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นองค์กรระดับนานาชาติ รับรองว่าโครงการการใช้พลังงานชีวมวลจากแกลบเพื่อมาผลิตไอน้ำในแทนการใช้น้ำมันเตา มีส่วนช่วยลดสภาวะโลกร้อนจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงเป็นอย่างมาก และยังได้รับการรับรองมาตรฐานระบบบริหารสิ่งแวดล้อม ISO14001 รวมถึง รางวัลอุตสาหกรรมสีเขียวระดับ 4 และรางวัลด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆอีกมากมาย ทั้งนี้ “อายิโนะโมะโมะโต๊ะ” จะยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับกฏหมายและระเบียบข้อบังคับต่างๆตลอดจนการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในชุมชนที่เราดำรงอยู่” ด้วยความมุ่งมั่นที่ว่า “อายิโนะโมะโต๊ะ เติบโตเคียงคู่สังคมไทย” มร.อิชิโระ ซะกะกุระ กล่าวปิดท้าย