"แอทม่านกู่" ทุ่ม 3 ล้าน ปรับกลยุทธ์เจาะตลาดนักอ่านออนไลน์จีน หวังโกยยอด 6 ล้านวิวต่อวัน   

บริษัท ไทยเจียระไน กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนิตยสารภาษาจีนแจกฟรีรายแรก แอทม่านกู่ (@ManGu) ประกาศเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ทุ่มงบประมาณ 3,000,000 บาท ปรับเพิ่มรูปแบบนิตยสารเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์อย่างเป็นทางการ คาดการณ์อัตราการเติบโตจะสูงขึ้นกว่า 70% เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ในยุค 5G และเข้าถึงผู้อ่านมากยิ่งขึ้น นำเสนอผ่านช่องทาง E-book บนแอปพลิเคชัน Wechat มินิโปรแกรม เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของนิตยสาร (www.atmangu.com) และแอปพลิเคชัน Pubu เพื่อพบกับผู้อ่านในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น พร้อมเดินหน้าเข้าสู่ยุคออนไลน์ของนิตยสารจีนชั้นนำในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

หลุ่ย แซ่กั๊ว ประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเจียระไน กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงจุดเปลี่ยนจากนิตยสารสู่ออนไลน์ในครั้งนี้ว่า นิตยสารแอทม่านกู่มีจุดแจกนิตยสารที่มากกว่า 1,500 จุด ทั้งในไทยและจีน แต่จุดแจกส่วนใหญ่จะอยู่ในไทย มียอดผู้อ่านที่เข้าถึง 3,000,000 วิวต่อวัน  แต่เมื่อเราปรับเป็นออนไลน์เต็มรูปแบบ ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านทั่วโลกสามารถอ่านนิตยสารได้อย่างทั่วถึงและเต็มที่ เพียงปลายนิ้วคลิก ไม่ต้องรอรับจากจุดแจก และเนื่องจากเป็นนิตยสารแจกฟรีในการตีพิมพ์เดือนละ 120,000 เล่ม จึงทำให้ไม่เพียงพอต่อผู้อ่าน หากพัฒนาเป็นแบบออนไลน์ผู้อ่านทั่วโลกจะสามารถเข้าถึงตัวนิตยสารได้ง่ายขึ้น โดยใช้งบลงทุนในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ประมาณ 3,000,000 บาท นี่จึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งนิตยสารภาษาจีนในประเทศไทยแห่งนี้ขึ้นมา
        

นอกจากการเข้าถึงผู้อ่านได้มากยิ่งขึ้นแล้ว การปรับโฉมเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์นั้นไม่เพียงแต่จะเป็นนิตยสารออนไลน์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่ผู้อ่านจะได้สัมผัส เพราะในรูปแบบออนไลน์จะเพิ่มเติมในส่วนคลิปสั้นและเสียง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้อ่านไม่สามารถสัมผัสได้ในรูปแบบนิตยสารแบบเดิม อีกทั้งยังเป็นการเข้าถึงผู้อ่านได้แบบรวดเร็วและทันที ทำให้สามารถรับรู้ถึงฟีคแบคของผู้อ่านได้ เนื่องจากเราได้เพิ่มฟังก์ชั่นการปฏิสัมพันธ์ โดยวิธีการโหวตออนไลน์ การค้าขาย การร่วมถ่ายภาพด้วยกันผ่านออนไลน์ ซึ่งรวมไปถึงกิจกรรมระหว่างเรากับผู้อ่านที่จะจัดขึ้นบ่อยๆ  จะเห็นได้ว่าเป็นการช่วยส่งเสริมแบรนด์และสินค้าให้ถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น เพราะในการปฏิสัมพันธ์ระหว่างเรากับผู้อ่านนั้น สามารถสอดแทรกกิจกรรมของเจ้าของแบรนด์ไปด้วยเลย และยังเป็นการกระจายและเสริมสร้างแบรนด์ของไทยให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ทำให้ชาวจีนทั่วโลกสามารถรับรู้แบรนด์ต่างๆ ได้ ซึ่งจากเดิมจะสามารถกระจายได้เพียงในกลุ่มผู้อ่านที่อยู่ในไทยเท่านั้น ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้อ่านในยุค 5G ได้อย่างดีเยี่ยม สามารถส่งสารถึงผู้อ่านได้อย่างไร้ขีดจำกัด พื้นที่ข่าวสารนำเสนอจะถูกแพร่กระจายไปในโซเชียลต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว ทำให้ผู้อ่านจำนวนมากสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ ยอดวิวจะเพิ่มมากขึ้น โดยเราได้ตั้งเป้าหมายคนอ่านต่อวันประมาณ 6,000,000 วิวต่อวัน ซึ่งการปรับตัวเข้าสู่รูปแบบออนไลน์จะทำให้ไม่ว่าผู้อ่านจะอยู่ที่ใดในโลก ตราบใดที่มีอินเทอร์เน็ตคุณก็สามารถเข้าถึงเนื้อหาข่าวสารอันยอดเยี่ยมได้จากทั่วทุกมุมโลก
     

โดยมีดอกแดนดิไลออน เป็นภาพแนวคิดของธีมการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ที่จะพัดพากระแสแรงลม นำข้อมูลข่าวสารจากประเทศไทยส่งสารไปยังผู้อ่านทั่วโลก แพร่กระจายอย่างไร้พรมแดน ขณะเดียวกันการปรับเปลี่ยนรูปแบบของนิตยสารแอทม่านกู่เป็นฉบับออนไลน์ ยังสอดคล้องกับแนวคิดเรื่องโลกสีเขียว การลดใช้กระดาษ และรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่ พลิกโฉมนิตยสารเป็นรูปแบบออนไลน์ขึ้นเป็นผู้นำด้านสื่อจีนในไทยอีกครั้ง
        

“และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เราได้ตั้งเป้าหมายคาดการณ์ในอีก 3 ปีข้างหน้า คือ ไทยเจียระไนยังคงมุ่งพัฒนาธุรกิจให้เป็นไปตามแนวโน้มของเทรนด์ธุรกิจที่กำลังมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งธุรกิจที่ทางเรากำลังเริ่มต้นในช่วงนี้คือธุรกิจ MCN ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครบวงจรในเครือไทยเจียระไนกรุ๊ป ตำแหน่งเครือข่าย MCN ที่ทางเราวางไว้ คือเครือข่ายรอบด้านที่ใหญ่ที่สุดในไทย ซึ่งเป็นเครือข่าย MCN ที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างไทยและจีนอีกด้วย นับเป็นการบ่มเพาะเน็ตไอดอลเพื่อเข้าสู่ตลาดจีนอย่างเต็มรูปแบบ  

โดยมีสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯ พร้อมยังได้สร้างมาตรฐานการบริหารจัดการการบ่มเพาะเน็ตไอดอลการถ่ายทำคลิปวีดีโอ เพื่อตอบรับการเติบโตของธุรกิจคลิปวีดีโอ การดำเนินการบ่มเพาะด้าน KOL และการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มมูลค่าธุรกิจแบบครบวงจร ซึ่งเป็นเทรนด์ธุรกิจของยุค 5G และเป็นธุรกิจที่ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิดได้ดีอีกด้วย เพราะวิฤติโควิดที่หลายธุรกิจประสบนั้น ด้วยบริการของเราที่ปรับขึ้นมาใหม่ในรูปแบบ IME (IME =  Into-China Media express ) จะช่วยทำให้แบรนด์ต่าง ๆ เข้าสู่ตลาดจีนได้ดียิ่งขึ้น” หลุ่ย แซ่กั๊ว กล่าวทิ้งท้าย