น้ำมันดิบร่วงแรงจ่อต่ำกว่า 28 ดอลลาร์ 

19 มีนาคม 2563 ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย ยังไม่หยุดทำสงครามราคานํ้ามัน คาดดูไบตํ่ากว่า 28 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ผลดีราคาขายปลีกในประเทศสัปดาห์นี้จ่อลดกว่า 1 บาทต่อลิตร   

ราคานํ้ามันดิบในตลาดโลกได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากกลุ่มโอเปกและพันธมิตรที่นำโดยรัสเซีย ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิต และเป็นผลให้กลุ่มโอเปกประกาศเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น เช่น ซาอุดีอาระเบียประกาศเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นสู่ระดับ 13 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับปัจจุบันที่ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้เตรียมการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นไปที่ระดับ 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับปัจจุบันที่ 3 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนเมษายนนี้

นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 1 แสนคนทั่วโลก ทำให้หลายประเทศประกาศปิดเมืองต่อสู้กับไวรัส ได้กดดันความต้องการใช้นํ้ามันทั่วโลก กระทบต่อปริมาณการผลิตนํ้ามันที่ผลิตออกมาล้นตลาด โดยเมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมาราคานํ้ามันดิบเวสต์เท็กซัส ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 28.70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล นํ้ามันดิบเบรนต์ อยู่ที่ 30.05 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และนํ้ามันดิบดูไบอยู่ที่ 31.61 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

จากราคานํ้ามันดิบที่ปรับตัวลดลงนี้ จะส่งผลให้ราคาขายปลีกนํ้ามันสำเร็จรูปในประเทศจะปรับลดลงอีกกว่า 1 บาทต่อลิตร หลังจากช่วงสัปดาห์ก่อน ราคานํ้ามันในกลุ่มดีเซลปรับลดลงมาแล้ว 2.10 บาทต่อลิตร และกลุ่มนํ้ามันเบนซิน ปรับตัวลงมา 3 บาทต่อลิตร โดยล่าสุดวันที่ 18 มีนาคม 2563 ราคาขายปลีกนํ้ามันทั้งกลุ่มดีเซลและเบนซิน ปรับลดลงมาแล้ว 0.60 บาทต่อลิตร

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคานํ้ามันดิบในตลาดโลกยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังจากที่ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียได้ประกาศทำสงครามราคา เพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาดในสถานการณ์ที่ความต้องการใช้นํ้ามันของโลกลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน  

โดยมองว่าราคานํ้ามันดิบดูไบ ที่ใช้อ้างอิงราคาขายปลีกในประเทศไทย มีโอกาสที่จะตํ่ากว่า 28 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งจะส่งผลให้ราคาขายปลีกในประเทศหลังจากนี้ปรับตัวลดลงตามไปด้วยทั้งนี้ มองว่าราคานํ้ามันดิบที่ปรับตัวลดลงนี้ อาจจะอยู่ยาวถึง 3 เดือน ซึ่งขึ้นกับซาอุดีอาระเบียจะสามารถเจรจากับทางรัสเซียในการหาข้อยุติในการผลิตนํ้ามันและยกเลิกสงครามกันส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นกับโรงกลั่นนํ้ามันนั้น ในปีนี้จะได้รับผลจากการขาดทุน
ทางบัญชีในการสต๊อกนํ้ามันามกฎหมายที่ 6% อย่างแน่นอน ยิ่งราคานํ้ามันดิบลดลงเท่าใด จะได้รับผลกระทบมากขึ้นเท่านั้น เพราะเมื่อมองย้อนกลับไปเดือนธันวาคม 2562 สต๊อกนํ้ามันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 64 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

หากทั้งเดือนมีนาคม 2563 ราคานํ้ามันดิบเฉลี่ยออกมาที่ 30 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จะเกิดส่วนต่างราคาที่แบกสต๊อกราว 34 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันโรงกลั่นทั้ง 6 แห่ง มีการสต๊อกนํ้ามันดิบรวมกันอยู่ที่ราว 15.70 ล้านบาร์เรล

แหล่งข่าวจากสมาคมการค้าผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการนํ้ามันพลังไทย เปิดเผยว่า ราคานํ้ามันดิบที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้ราคาขายปลีกนํ้ามันในประเทศทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซลปรับตัวลดลงในสัปดาห์นี้อีกราว 1.00 บาทต่อลิตร หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ได้ปรับตัวลดลงไป 2.70-3.60 บาทต่อลิตร และคาดว่าในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวลดลงอีก ซึ่งราคานํ้ามันดิบที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงนี้ ทำให้สถานีบริการนํ้ามันต้องบริหารสต๊อกนํ้ามันอย่างรอบคอบ หรือต้องบริหารความเสี่ยงในการสั่งนํ้ามันเป็นรายวันมาจำหน่าย เพื่อไม่ให้เกิดการแบกรับภาระต้นทุนมากขึ้นไป