ข่าว

อนาคตท่องเที่ยว"ศรีลังกา" ผ่านมุมมองผู้ประกอบการไทย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อนาคตท่องเที่ยว"ศรีลังกา" ผ่านมุมมองผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวไทย 

           “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา” สำนวนไทยที่น่าจะใช้ได้ดีกับการท่องเที่ยวประเทศศรีลังกาในช่วงนี้ หลังจากเกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ใจกลางเมืองโคลัมโบและ 2 เมืองใหญ่ในศรีลังกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน 2562 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมาจากทั่วโลก หายไปในพริบตา รายได้จากการท่องเที่ยวที่เคยเฟื่องฟูในธุรกิจท่องเที่ยวในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาต้องหดหายไปชั่วขณะ ขณะที่รัฐบาลศรีลังกาเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก 

อนาคตท่องเที่ยว"ศรีลังกา" ผ่านมุมมองผู้ประกอบการไทย

 อำนาจชัย มานะเลิศ กรรมการผู้จัดการบริษัท ศรัทธาทัวร์ จำกัด

                 ล่าสุดรัฐบาลศรีลังกา โดยสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU)กับรัฐบาลไทย โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ร่วมกันฟื้นฟูการท่องเที่ยวของประเทศให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง หลังซบเซาในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ดังกล่าว

                “จะร่วมสองเดือนเข้าไปแล้วแต่รัฐบาลศรีลังกายังไม่เห็นออกมาตรการอะไรที่โดนๆ หรือเป็นชิ้นเป็นอันเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวเลย” อำนาจชัย มานะเลิศ กรรมการผู้จัดการบริษัท ศรัทธาทัวร์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวและมีความเชี่ยวชาญในภูมิภาคเอเชียใต้ กล่าวกับ “คม ชัด ลึก" ภายหลังการเจรจาธุรกิจระหว่างเอเย่นต์ธุรกิจท่องเที่ยวไทยกับศรีลังกา ณ ห้องประชุม โรงแรมฮิลตัน โคลัมโบ  กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา 

              อำนาจชัย ระบุว่า จากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มาศรีลังกาส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจีนมากที่สุด รองลงมาเป็นยุโรป นอกนั้นเป็นนักท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนประเทศไทยเดินทางมาค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวสายบุญ เที่ยววัดไหว้พระทำบุญ ซึ่งมีจำนวนไม่มากนัก แต่หลังจากเกิดเหตุปรากฏว่านักท่องเที่ยวจีนและยุโรปหายไป 100% ที่มาแบบกรุ๊ปทัวร์ ส่วนที่ยังมาเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินทางมาเอง

อนาคตท่องเที่ยว"ศรีลังกา" ผ่านมุมมองผู้ประกอบการไทย บรรยากาศเมืองโคลมโบ

              “อย่างจีน เขาคอมมิวนิสต์นะ ถ้ารัฐบาลเขาสั่งห้ามก็จบกัน ไม่มาเลย ส่วนยุโรปคนกลุ่มนี้เซนซิทีฟมาก ถ้ารู้ว่าเสี่ยงอันตรายเขาจะไม่มาเลย อย่างระเบิดที่แชงกรี-ลา เหตุเกิดที่โซนห้องอาหาร นักธุรกิจชาวเดนมาร์กเสียชีวิตยกครอบครัว พ่อแม่ลูก เหลือลูกชายอยู่คนเดียวไม่ลงมากินอาหารเช้า คนยุโรปเมื่อเขาเจอแบบนี้เขาก็ไม่อยากมาเสี่ยงหรอก ก็คงใช้เวลาอีกนานนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะกลับมาอีก เหมือนเหตุการณ์สึนามิที่บ้านเรานะ อย่างเขาหลักก็ใช้เวลาเป็นปีนะกว่าจะกลับมาเหมือนเดิม”

                สำหรับนักท่องเที่ยวไทยนั้น บอสใหญ่ศรัทธาทัวร์มองว่า คนไทยมีนิสัยแบบกล้าๆ กลัวๆ แต่กล้าเสี่ยงถ้ามีอะไรดึงดูดใจหรือมีมาตรการทำให้โดนก็จะตัดสินใจทันที ไม่ค่อยกังวลมากนัก ทำให้รัฐบาลศรีลังกามองว่าการร่วมมือกับประเทศไทยน่าจะทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เนื่องจากประเทศไทยมีประสบการณ์เรื่องการท่องเที่ยวและคนไทยก็นิยมมาท่องเที่ยวศรีลังกา และทั้งสองประเทศก็มีความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนาน

                “ถึงวันนี้รัฐบาลศรีลังกาก็ยังไม่มีมาตรการอะไรออกมาดึงดูดใจนักท่องเที่ยว ไม่เช่นนั้นบริษัททัวร์ก็ไม่มีใครกล้าเสี่ยง เพราะไม่มั่นใจในเรื่องความปลอดภัยแล้วที่สำคัญราคาทัวร์ควรจะต้องลดลงต่ำกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้  ปกติผมทำทัวร์ศรีลังกา 3 วัน 2 คืนอยู่ที่หมื่นห้า วันนี้ไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ราคานี้ ถามว่าใครจะกล้าเสี่ยงมาศรีลังกา ลูกทัวร์ก็ไม่กล้ามา บริษัททัวร์ก็ไม่กล้าเสี่ยง เพราะฉะนั้นจะต้องลดราคาลงกว่านี้เพื่อดึงคนมาให้ได้ก่อน” 

                 อำนาจชัยยังชี้ทางออกหากต้องการฟื้นท่องเที่ยวศรีลังกาให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว รัฐบาลศรีลังกาจะต้องมีมาตรการที่ชัดเจนออกมาโดยเร็ว ทั้งการให้ความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวและขอความร่วมมือภาคเอกชน เช่น ธุรกิจโรงแรม สายการบิน สถานบริการต่างๆ ควรลดราคาลงต่ำที่สุดเพื่อดึงคนกลับไปเที่ยวให้ได้ก่อน หลังจากนั้นเมื่อนักท่องเที่ยวมีความมั่นใจบรรยากาศการท่องเที่ยวก็จะฟื้นกลับมาเอง

อนาคตท่องเที่ยว"ศรีลังกา" ผ่านมุมมองผู้ประกอบการไทย บรรยากาศเมืองโคลอมโบ

               “อย่างสายการบินคุณลดค่าตั๋วลงได้ไหมหรือไม่ต้องจ่ายมัดจำ หรือโรงแรม 4-5 ดาวคุณลดราคาลงมาสิเพื่อให้คนเข้าไปพักก่อน ถ้าคุณยังยืนอยู่ในราคาเดิม วันนี้ผ่านมาแค่ 2 เดือนคุณยังประคองตัวอยู่ได้ แต่ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ยืดเยื้อออกไปเป็นปี คุณจะอยู่ได้ไหม ผมคำนวณดูแล้ว 3 วัน 2 คืน ราคาอยู่ที่ 9,000 นอนฮิลตันใครๆ ก็อยากมา ขายทัวร์ก็ง่าย  ผมมองว่าเริ่มต้นมันต้องดึงคนให้มาก่อน” อำนาจย้ำ  

             ในส่วนฟรีวีซ่านั้น เขาระบุว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลศรีลังกาวางแผนไว้แล้ว โดยจะเริ่มทดลองก่อน 6 เดือน แต่หลังจากเกิดเหตุระเบิดเรื่องก็เงียบหายไป ซึ่งปกติค่าวีซ่าศรีลังกาอยู่ที่ 35 ดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าไม่แพงมากนัก ขณะที่คนศรีลังกามีความขยัน ยิ้มแย้มแจ่มใส รักงานบริการ ต่างจากคนอินเดีย แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะละม้ายคล้ายกัน

                 “คนศรีลังกาเขาไนซ์มาก บริการดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส ซื้อของก็ไม่โอเวอรชาร์จขายเท่าไรเท่านั้น มันอยู่ที่รัฐบาลว่าจะฟื้นได้เร็วมากน้อยแค่ไหน” บอสใหญ่ศรัทธาทัวร์ กล่าวย้ำ 

                 เช่นเดียวกับ ฐิตารี โภคาพัฒนสิทธิ์ กรรมการสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTA) และเจ้าของบริษัท หิมาลายัน ทราเวล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยวที่มีความเชี่ยวชาญในย่านเอเชียใต้ ประกอบด้วย อินเดีย ศรีลังกา เนปาล ภูฏาน และมัลดีฟส์ กล่าวกับ “คม ชัด ลึก” โดยยอมรับว่าศรีลังกามีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย มีทั้งวัดวาอาราม แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ชายหาดที่สวยงาม ตลอดจนสวนสัตว์ซาฟารี การเดินป่าท่องไพรที่ท้าทายเหล่าบรรดานักผจญภัยทั้งหลาย 

อนาคตท่องเที่ยว"ศรีลังกา" ผ่านมุมมองผู้ประกอบการไทย

            ฐิตารี โภคาพัฒนสิทธิ์ กรรมการสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTA) และเจ้าของบริษัท หิมาลายัน ทราเวล จำกัด

      “โซนนี้เราทำมาตลอดอยู่แล้ว สิ่งหนึ่งที่เห็นในวันนั้นคือมันเงียบมาก ก่อนมีระเบิดพาลูกทัวร์มาศรีลังกาจะคึกคักกว่านี้มาก ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวที่นับถือพุทธศาสนาไม่ว่าชาติไหน ไทย จีน ฝรั่ง มาศรีลังกาก็จะมาไหว้พระเขี้ยวแก้วที่แคนดี้ วันนี้คนไทยชาวพุทธไม่ใช่ไปอินเดียอย่างเดียวนะ ต้องมาที่ศรีลังกาด้วย เพราะที่นี่เป็นพุทธที่ถึงรากถึงแก่น เป็นเถรวาท คนพม่าก็ชอบมาที่นี่ ถ้าเป็นชาวพุทธครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องมาศรีลังกา มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่”

                 ฐิตารี ขยายความต่อว่า การมาศรีลังกาของชาวพุทธนั้นจะนิยมไปสองเมืองคือไปกราบสักการะพระเขี้ยวแก้วที่เมืองแคนดี้ และกราบต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่เมืองอนุราธปุระ ซึ่งพระศรีมหาโพธิ์ที่นี่เป็นหน่อของต้นเดิมที่เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย ในขณะที่พุทธคยาปัจจุบันเป็นต้นที่ 4 แล้ว หลังจากต้นที่ 1-3 ตายไป ส่วนพระเขี้ยวแก้วที่เมืองแคนดี้นั้น เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญที่ชาวพุทธทุกคนต้องไปให้ได้หากมีโอกาส ตามตำนานพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งเป็นพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้านั้นมีทั้งหมด 4 องค์ 2 องค์อยู่บนโลกมนุษย์คือที่เมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกาและประเทศจีน ส่วนอีก 2 องค์อยู่บนสวรรค์และชั้นบาดาล ในปีนี้จะมีการจัดงานใหญ่แห่พระธาตุเขี้ยวแก้วในระหว่างวันที่ 5-15 สิงหาคม 

                  ส่วนพระศรีมหาโพธิ์ที่เมืองอนุราธปุระนั้น ฐิตารีเล่าว่า ตามประวัติต้นปัจจุบันเป็นหน่อของพระศรีมหาโพธิ์ต้นเดิมที่นำมาจากเมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย นำมาปลูกในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช แต่พระศรีมหาโพธิ์ที่นั่นปัจจุบันเป็นต้นที่ 4 แล้ว ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่นี่จึงมีความสำคัญกว่า นอกจากนี้ในตัวเมืองโคลัมโบก็ยังมีวัดที่เก่าแก่และมีความสำคัญหลายแห่ง อาทิ วัดคงคาราม เป็นวัดนิกายสยามวงศ์ สร้างขึ้นเมื่อปี 2428 ยุคที่ชาวพุทธในศรีลังกาตื่นตัวในการฟื้นฟูพระศาสนา มีศิลปะผสมผสานระหว่างศรีลังกา อินเดีย ไทย และจีน 

   

            หรือ "วัดกีลันนิยา” หรือที่คนไทยมักเรียกว่า “วัดกัลยานี” มีพระอุโบสถที่สวยงาม สร้างสรรค์ผลงานโดยศิลปินและจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ชาวศรีลังกา นามว่า "โสริอัส เมนติส” แม้กระทั่ง "วัดทีปทุตตมาราม” ก็เป็นอีกวัดที่น่าสนใจ เพราะเป็นวัดที่มีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ลึกซึ้งระหว่างศรีลังกากับราชวงศ์ของไทย สร้างขึ้นในปี 2318 เป็นวัดที่พระชินวรวงศ์ หรือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ (ต้นตระกูลชุมสาย) เคยเป็นเจ้าอาวาสระหว่างปี 2448-2453 ภายในพระอุโบสถยังมีรูปหล่อเหมือนพระชินวรวงศ์ขณะทรงเป็นเจ้าอาวาสประดิษฐานอยู่ด้วย 

              “ไฮไลท์ของวัดนี้อยู่ที่รัตนเจดีย์ โดยยอดฉัตรได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 ของไทย เป็นสิ่งก่อสร้างสำคัญทางประวัติศาสตร์ระหว่างสยามกับศรีลังกา อย่างสถูปรัตนเจดีย์นี้เป็นสัญลักษณ์ของ 3 ประเทศ ส่วนบนสุดเป็นยอดฉัตรของไทย ตรงกลางเป็นเจดีย์รูประฆังคว่ำของศรีลังกา ส่วนล่างสุดรูปแบบเจดีย์พุทธคยาของอินเดีย” ฐิตารีกล่าวทิ้งท้าย พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวไทยมายลความงามของไข่มุกแห่งเอเชียใต้

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ