ข่าว

 DITPนำร่องสินค้าเจาะตลาดอินเดีย ผ่านห้าง"โมเดิร์นเทรด"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

 DITPนำร่องสินค้าเจาะตลาดอินเดีย ผ่านห้าง"โมเดิร์นเทรด"ใน5รัฐเป้าหมาย

 

                 ผลจากการที่ทีมประเทศไทย นำโดย "ชุติมา บุณยประภัศร" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมงาน อินเดีย-อาเซียน เอ็กซ์โป แอนด์ ซัมมิท ครั้งที่ 4 (the 4th India–ASEAN Expo and Summit) ระหว่างวันที่ 22-23 กุมภาพันธ์ 2562 ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ตามคำเชิญของรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมอินเดีย

 DITPนำร่องสินค้าเจาะตลาดอินเดีย ผ่านห้าง"โมเดิร์นเทรด"

 ชุติมา บุณยประภัศร(ที่2จากขวา)รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

              ถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวในการมุ่งยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนกับอินเดียให้ครอบคลุมเศรษฐกิจใหม่ อาทิ การค้าดิจิทัล พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และเศรษฐกิจทางทะเล ไม่เพียงเท่านั้นทีมประเทศไทยจะใช้โอกาสในการเดินทางเยือนอินเดียครั้งนี้ลงพื้นที่สำรวจอุตสาหกรรม การผลิตน้ำมันรำข้าวของอินเดีย ณ รัฐหรยาณา ซึ่งอินเดียเป็นแหล่งนำเข้าน้ำมันรำข้าวอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่า 1.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 1 ใน 4 ของการนำเข้าทั้งหมดของไทย

                ทั้งนี้ ไทยและอินเดียเป็นแหล่งผลิตน้ำมันรำข้าวที่สำคัญของโลก และปัจจุบันน้ำมันรำข้าวได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากกระแสรักสุขภาพของผู้บริโภคทั่วโลก กระทรวงพาณิชย์จึงต้องการผลักดันและยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันรำข้าว เพื่อต่อยอดอุตสาหกรรมการแปรรูปข้าวของไทยที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก

               ขณะเดียวกันกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ก็ได้จัดทำยุทธศาสตร์การส่งออกสินค้าไทยไปตลาดอินเดียตะวันตก โดยใช้กลยุทธ์ในการจับคู่สินค้าและธุรกิจบริการไทยที่มีศักยภาพเหมาะสมกับความต้องการของแต่ละรัฐ เพื่อให้การเจาะตลาดอินเดียตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยมีแผนจะเจาะตลาดนำร่องใน 5 รัฐที่สำคัญก่อน ได้แก่ มหาราษฎระ คุชราต กรณาฎกะ กัว และเกรละ

               “ต้องยอมรับว่าเดิมการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดอินเดียมีปริมาณน้อยมาก เนื่องจากปัจจัยด้านการขนส่งและยังเป็นตลาดที่ผู้ส่งออกและผู้ประกอบการไทยยังไม่คุ้นเคย จึงทำให้การทำตลาดดังกล่าวยังน้อย แต่ปัจจุบันตลาดอินเดียกลับมาเติบโตมากขึ้น รวมถึงมีกำลังซื้อเพิ่มสูงขึ้น เห็นได้จากที่ผ่านมาพบว่าคนอินเดียเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเป็นจำนวนมาก และนิยมใช้บริการโรงแรมในไทยเพื่อจัดงานแต่งงานมากขึ้น ทำให้รายได้ในภาคบริการมีการเติบโต เพราะการใช้จ่ายในการจัดงานแต่ละครั้งสร้างรายได้ให้แก่ประเทศอย่างมหาศาล”

                  บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มองตลาดอินเดียโดยเล็งเห็นถึงโอกาสทางการค้า การส่งออกในกลุ่มภาคบริการ จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำยุทธศาสตร์การส่งออกสินค้าไทยไปในตลาดอินเดีย โดยมีเป้าหมายมุ่งเจาะตลาดอินเดียเป็นรายรัฐ เนื่องจากอินเดียเป็นตลาดใหญ่คล้ายตลาดจีน คือ มีหลายรัฐ ผู้บริโภคจึงมีความต้องการสินค้าที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ 

                    นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ยังให้ความสำคัญรูปแบบการเจาะตลาดเป็นรายรัฐในอินเดีย และเน้นการสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่เป็น Key Player สำคัญในการกระจายสินค้าสู่ตลาดทางภาคตะวันตกของอินเดีย เช่นห้างโมเดิร์นเทรด เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและประชาสัมพันธ์สินค้าแบรนด์ไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น เพราะเรื่องของกฎระเบียบการค้าการส่งออกของอินเดียยังทำไม่ได้ง่าย จึงมุ่งสร้างการรับรู้และความต้องการสินค้าไทยผ่านโมเดิร์นเทรดในการส่งออกสินค้า ก่อนการขยายตลาดไปรูปแบบอื่นๆ ต่อไป  

                   สอดรับกับมุมมองของ ผศ.ดร.นิธินันท์ วิศเวศวร คณบดีวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ได้เคยแนะนำสิ่งที่คนไทยควรทำเป็นสิ่งแรกคือ การปรับเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อคนอินเดีย เพื่อพร้อมต้อนรับการเดินหน้าในทุกๆ ด้านไปด้วยกัน การจะเดินหน้าความสัมพันธ์ทางด้านการค้าการลงทุน ที่เรามองว่าเป็นโอกาสร่วมกับอินเดีย จำเป็นต้องอาศัยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในทุกแง่มุมของอินเดีย ไม่เพียงแต่ด้านเศรษฐกิจเท่านั้น หากไทยมีการพัฒนาบุคลากรที่เชี่ยวชาญทางด้านอินเดียศึกษาออกมาเพิ่มขึ้น เชื่อว่าจะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์กับอินเดียไปได้อีกไกล 

                   ไม่ต่างไปจากมุมมองของนักธุรกิจที่คุ้นเคยกับตลาดรวมถึงวัฒนธรรมของอินเดีย อย่าง “เฉลิมเกียรติ พลรัตน์” รองกรรมการผู้จัดการด้านทรัพยากรบุคคลต่างประเทศ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ณ ประเทศอินเดีย ที่เคยพูดบนเวทีเสวนาก่อนหน้านี้ โดยมองว่าอินเดียประกอบไปด้วยรัฐหลายรัฐ มีความหลากหลายในแง่ของความต้องการในการบริโภคสินค้าคุณภาพต่างๆ ตามกำลังซื้อ ทั้งรัฐที่มีคนรวยอาศัยอยู่จำนวนมาก ซึ่งมีความต้องการในการบริโภคสินค้าคุณภาพสูง ไปจนถึงรัฐที่มีความต้องการในการบริโภคสินค้าคุณภาพปานกลาง เนื่องจากกำลังซื้อที่ต่ำลงมา เรียกได้ว่าอินเดียเป็นประเทศที่ต้อนรับการลงทุนของธุรกิจในทุกระดับ

                   จากสถิติในปี 2561 อินเดียเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 10 ของไทย โดยการค้าระหว่างไทยและอินเดียมีมูลค่า 12,463.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นไทยส่งออกไปอินเดีย 7,600.32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากอินเดีย 4,863.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าสำคัญในการส่งออกจากไทยไปอินเดีย เช่น เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ขณะที่สินค้าสำคัญที่ไทยนำเข้ามาจากอินเดีย เช่น เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำเคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ

                   อย่างไรก็ตามปัจจุบันไทยมีความตกลงการค้าเสรีกับอินเดีย ที่มีผลใช้บังคับแล้วอยู่ 2 ฉบับ ที่ผู้ส่งออกสามารถเลือกใช้ประโยชน์ได้ ทั้งเอฟทีเอไทย-อินเดีย(FTA) ที่จัดทำในปี 2547 ปัจจุบันมีการยกเลิกภาษีสินค้า 83 รายการ อาทิ อาหารทะเลกระป๋อง อัญมณีและเครื่องประดับ เม็ดพลาสติก เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และ เอฟทีเออาเซียน-อินเดีย (AIFTA) ที่จัดทำในปี 2553 ซึ่งปัจจุบันมีการลดภาษีสินค้า 5,224 รายการ ส่งผลทำให้การค้าระหว่างไทยกับอินเดียเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง

                     ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) www.ditp.go.th หรือโทรสายตรงการค้าระหว่างประเทศ 1169

 

                              

 “BIMSTEC”เสริมแกร่งเศรษฐกิจไทย-อินเดีย

                 สุจิตรา ทุไร เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งภายหลังการหารือ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปว่า นายกรัฐมนตรียินดีที่เอกอัครราชทูตอินเดียเข้ารับตำแหน่งที่ประเทศไทย เชื่อมั่นว่าจะทำหน้าที่ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดียให้แน่นแฟ้นมากขึ้นได้อีก

                 พร้อมขอบคุณรัฐบาลอินเดียที่รับเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการเสด็จฯ เยือนอินเดียเป็นอย่างดี และฝากความระลึกถึง นายนเรนทร โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ซึ่งได้พบหารือกันถึง 3 ครั้ง เมื่อปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตสุจิตรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มารับหน้าที่ที่ประเทศไทย พร้อมชื่นชมนายกรัฐมนตรีและศักยภาพของไทย ซึ่งไทยถือเป็นมิตรประเทศที่มีความสำคัญของอินเดีย 

                  นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตสุจิตรา ยังสนับสนุนให้ทั้งสองประเทศผลักดันการเจรจาจัดทำ RCEP และการเจรจา FTA ภายใต้กรอบ BIMSTEC เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในภูมิภาค และสำหรับความร่วมมือด้านนวัตกรรม นายกรัฐมนตรีเห็นว่าควรพัฒนาความร่วมมือจากนโยบายที่สอดคล้องกัน ได้แก่ ไทยแลนด์ 4.0 และดิจิทัลอินเดีย ซึ่งจะเป็นโอกาสและช่องทางในการพัฒนาศักยภาพร่วมกัน

                 ทั้งสองฝ่ายได้ชื่นชมความร่วมมือด้านการศึกษาที่มีความใกล้ชิดและพัฒนาการที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ฝ่ายอินเดียยินดีให้ความร่วมมือด้านวิชาการในสาขาที่อินเดียมีศักยภาพ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชนให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ทั้งยังขอบคุณที่ไทยให้การสนับสนุนความร่วมมือด้านความมั่นคงและการทหารกับอินเดียเสมอมา โดยเฉพาะการฝึกร่วมทางทหาร คอบร้าโกลด์

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ