ผู้บริโภคปรับพฤติกรรมรับศก.ซบเตือนสินค้าลดราคาติดหล่มยาว | คมชัดลึก

บริษัท โอกิลวี่ แอ็คชั่น ในเครือโอกิลวี่กรุ๊ป เปิดเผยผลสำรวจผู้บริโภค เกี่ยวกับพฤติกรรมและทัศนคติการใช้จ่ายก่อนและหลังวิกฤติเศรษฐกิจใน 10 หมวด โดยเน้นกลุ่มแม่บ้านและผู้ซื้อทั่วไป ณ จุดขายภายในร้านค้าโมเดิร์นเทรดและซูเปอร์มาร์เก็ตจำนวน 604 ตัวอย่าง พบว่าผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นลดลง และจะซื้อเมื่อมีการลดราคา รวมทั้งมองหาสินค้าอื่นแทน หรือแม้กระทั่งหยุดซื้อ

 ส่วนสินค้าจำเป็นยังได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากผู้ซื้อยังซื้อเท่าเดิม เช่น ยาสีฟัน เครื่องปรุงอาหาร ผัก ผลไม้ โดยผู้ซื้อไม่ให้ความสำคัญกับราคาเท่าใดนัก ขณะที่สินค้าที่มีความเสี่ยงปานกลาง พบว่าผู้บริโภคปรับพฤติกรรมจากการซื้อตุนมาเป็นซื้อเมื่อจำเป็น เช่น สินค้าหมวดข้าวสาร น้ำมันพืช ผงซักฟอก เครื่องดื่มทำจากนม

 นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่าโปรโมชั่นลดราคาอาจได้ผลน้อย เนื่องจากระยะยาวผู้ซื้ออาจปฏิเสธผลิตภัณฑ์เหล่านั้น เมื่อปรับราคาขึ้นในอนาคต ขณะเดียวกันยังพบว่ากลุ่มตัวอย่าง 61% มีการตัดสินใจซื้อภายในร้านค้า โดยจำนวนนี้เน้นปริมาณสินค้า 32% ยี่ห้อ 21% และเน้นหมวดหมู่ 8% สินค้าที่ผู้ซื้อไม่ยึดติดยี่ห้อมากที่สุด คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แต่สินค้าประเภทแป้ง รวมถึงข้าวผู้ซื้อจะเน้นยี่ห้อเป็นหลัก จึงเห็นว่าสินค้าดังกล่าวควรทำโปรโมชั่นราคาเพื่อความคุ้มค่า

 "ในบางครั้งการลดราคาไม่ได้เป็นคำตอบที่ดีที่สุด การลดราคาเป็นการทำให้ผู้ซื้อคาดหวังกับราคาที่ถูกลง ซึ่งส่งผลทำให้แบรนด์นั้นไม่สามารถปรับขึ้นราคาสู่ระดับเดิมได้เมื่อเศรษฐกิจกลับคืนสู่ภาวะปกติ นั่นหมายความว่าการลดราคาในขณะนี้อาจทำให้ แบรนด์นั้นจำเป็นต้องลดราคาตลอดไป"
 โอกิลวี่ฯ ยังอ้างอิงผลการวิจัยของบริษัท พลาเน็ตรีเทล ที่ระบุว่าอัตราการใช้จ่ายของผู้บริโภคปีนี้จะติดลบ 2.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่าแตกต่างกันถึง 107,000 ล้านบาท และยังเห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภค หรืออัตราเงินเฟ้อจะยังไม่ฟื้นตามผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในช่วงครึ่งปีหลัง เป็นผลมาจากโปรโมชั่นราคาถูกในช่วงนี้