ข่าว

 โครงการพระราชดำริคือฐานรากของประเทศ

โครงการพระราชดำริคือฐานรากของประเทศ

22 ส.ค. 2554

โครงการพระราชดำริคือฐานรากของประเทศ : ชาวบ้านร้านตลาด ภาณุมาศ ทักษณา

          วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2551 ผมเขียนเรื่อง ขุดสันดอนแม่น้ำสักที...ดีไหม ? เรียกร้องให้รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แปรงบประมาณที่จะบริหารจัดการน้ำในปี 2552 ให้ อบต.ที่มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำลำคลอง หรือ หนอง บึง นำไปจ้างชาวบ้านขุดลอกแหล่งน้ำต่างๆ แก้ป้องกันน้ำท่วม แต่รัฐบาลสมชายก็ไม่ทันได้ทำอะไรก็พ้นหน้าไปซะก่อน

           เมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามาผมก็หน้าด้านอ้อนวอนขอให้จัดงบประมาณแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมอย่างเป็นระบบด้วยการขอให้เลิกตั้งงบประมาณช่วยผู้ประสบน้ำท่วมให้หกเรี่ยเสียราษฎร์ปีแล้วปีเล่าซะ แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ไม่ใส่ใจ ปล่อยให้น้ำท่วมซ้ำแล้วซ้ำอีก จนถูกชาวบ้านร้านตลาดสาปแช่งจึงแพ้เลือกตั้งไป หรือเปล่าก็ไม่ทราบ-ฮา

           วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2554 ผมเขียนเรื่องรัฐบาลยิ่งลักษณ์ “เดินหน้า อย่าลืมมองหลัง” เตือนว่าอย่าคิดแต่จะพัฒนาประเทศโดยไม่ดูปัญหาน้ำท่วมที่ทำให้ชาวบ้านร้านตลาดทุกข์กายทุกข์ใจทุกปีนะครับ, ปรากฏว่าหลังจากไปตรวจน้ำท่วมกลับมา นายกฯ ยิ่งลักษณ์บอกว่า “ต้องวางแผนระยะยาวว่าจะทำอย่างไรเพื่อป้องกันเรื่องของน้ำ อาทิ การปลูกป่าพืชยืนต้น และการทำเขื่อนป้องกันน้ำ”

           เห็นนายกรัฐมนตรีให้ความสนใจ ลั่นวาจาเป็นมั่นเป็นเหมาะอย่างนี้ผมก็เบาใจแล้วล่ะครับ ส่วนจะทำอย่างไรกันบ้าง หรือเริ่มลงมือเมื่อไหร่ก็สุดแท้แต่นะครับ, ข้อสำคัญ หลังจากน้ำลดลงแล้ว “ข่าวแก้ปัญหาน้ำท่วม” ของรัฐบาลอย่าเหือดหายไปจากสื่อนะครับ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ต้องขยันออกข่าวเรื่องนี้บ่อยๆ ครับ อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้ชาวบ้านร้านตลาดใน 22 จังหวัดที่ถูกน้ำท่วมในตอนนี้ และไม่รู้อีกกี่จังหวัดที่จะอาจจะต้องถูกน้ำท่วมในฤดูน้ำหลากที่จะตามมาเร็วๆ นี้ยังรู้สึกว่า มีความหวังอยู่

           เหมือนคนขับรถติดอยู่บนถนนสายต่างๆ ใน กทม.ได้ยินวิทยุ จส.100 รายงานว่า ถนนนั้นก็รถติด ถนนนู้นก็รถติด ถนนโน้นก็รถติด แล้วมีความรู้สึกสบายๆ ว่าเออ รถเราก็มิได้ติดอยู่บนถนนคนเดียวนั่นแหละ-ฮา, อ้อ...แล้วนายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็ไม่ต้องให้ ครม.ต้องเสียเวลาไปศึกษา หรือค้นคว้าหาวิธีปลูกป่าว่า ควรปลูกป่าแบบไหน หรือควรรักษาน้ำไว้อย่างไรหรอกนะครับ

           พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริและทรงทดลองการอนุรักษ์ดิน(ป่า)และน้ำกว่า 4,000 โครงการ เสมือนหนึ่งพระองค์ทรงวางฐานรากของประเทศเอาไว้ให้รัฐบาลที่สนใจเข้าไปรับสนองพระบรมราโชบาย นำไปปฏิบัติหรือทำนุบำรุงทุกโครงการเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่พสกนิกรของพระองค์เอาไว้แล้ว

           นายกฯ ยิ่งลักษณ์เพียงขอความรู้ไปที่มูลนิธิชัยพัฒนา ที่มีอาจารย์สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นเลขาธิการ ผมก็เชื่อว่า อาจารย์สุเมธก็คงจะดีใจและให้ความเมตตาพร้อมที่จะแจกแจงให้คณะรัฐมนตรีของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ได้รับทราบถึงโครงการอนุรักษ์ดินและน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริอย่างแน่นอนครับ

           ผมทราบว่ารัฐบาลกำลังขะมักเขม้นเขียนนโยบายกันอยู่มิใช่หรือ เพื่อให้ได้แนวทางและเพื่อความเป็นสิริมงคลของรัฐบาลชุดนี้ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ควรหาโอกาสให้คณะรัฐมนตรีทั้งชุดได้รับทราบโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้ได้มากที่สุดครับโดยเฉพาะขั้นตอนในภาพประกอบที่ผมนำลงตีพิมพ์นี้หากนำไปปฏิบัติได้ก็จะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาลครับ