หมาทุกตัวย่อมมี นิยาย ของตัวเองไม่แตกต่างจากคนเราที่จะยากดีมีจนอย่างไร ไม่ว่าหญิงหรือชายล้วนต้องมีเรื่องราวของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ส่วนจะมีแต่ความสุขสมหวังหรือแสนเศร้าเคล้านำตาอันนี้ก็แล้วแต่บุญธรรมกรรมแต่ง(มั้ง)
นิยายของไอ้บู๊นับว่ามีสีสันโลดโผนพิสดารควรแก่การเล่าขานมิใช่น้อย...
ไอ้บู๊เป็นลูกตัวแรกในบรรดา 5 ตัวครอกแรกของเซ็กซี่ จะเป็นด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่ทราบ มันตัวโตกว่าน้องๆอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่คลอดออกมาแล้ว และยิ่งอยู่ไปมันก็จะยิ่งตัวใหญ่กว่าน้องๆ ขึ้นเรื่อยๆ
นิยายของไอ้บู๊เริ่มขึ้นตั้งแต่ยังไม่ลืมตาด้วยซ้ำไป เมื่อมันเริ่มสำแดงอิทธิฤทธิ์ของความเป็น “ลูกพี่” ออกมาให้เห็น เพราะเวลาจะกินนมแม่เซ็กซี่นั้น มันเป็นต้องถือสิทธิเลือกเต้านมที่มันพอใจเสียก่อนเป็นลำดับแรก เมื่อเลือกได้แล้วน้องๆ จึงจะมีสิทธิเลือกบ้าง ใครไม่ยอมตามนี้ไม่ได้ เพราะมันจะใช้ความตัวใหญ่กว่าให้เป็นประโยชน์ เริ่มด้วยการใช้ร่างกายที่ใหญ่กว่าเบียดน้องๆ ออกไปจากเต้านมที่มันต้องการ และพอฟันเริ่มงอกก็รู้จักใช้ฟันเที่ยวงับพร้อมเสียงขู่อีกต่างหาก จนระยะหลังๆ น้องๆ จึงยอมรับสิทธิลำดับหนึ่งของผู้มีอาวุโสสูงสุดและตัวใหญ่สุดของมันในที่สุด
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า เรื่องเคารพอาวุโสนี้มีเฉพาะต่อพี่บู๊เขาเท่านั้น เพราะระหว่างน้องๆ ทั้ง 4 ที่เหลือนั้น ไม่มีใครบ้าอาวุโสเหมือนพี่ใหญ่ ยึดหลักใครมาก่อนได้ก่อน หรือบางทีเกิดขัดใจกันก็มีการง่องแง่งใส่กันบ้าง โดยไม่มีใครกล้าหือกับไอ้บู๊
ไอ้บู๊จึงฉาวแววนักเลงตั้งแต่เล็กๆ และพอโตขึ้นอาการเช่นนี้ของมันก็เริ่มเด่นชัดขึ้นตามลำดับ
หมาก็เหมือนเด็ก จำเป็นต้องอบรมบ่มนิสัยเสียตั้งแต่ยังเล็กยังน้อย เดี๋ยวโตขึ้นนิสัยเสียติดตัวแล้วจะแก้ลำบาก ภรรยาผมก็พยายามอบรมบ่มนิสัยหลานๆ ทั้ง 5 ของเราอย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมารยาทการกิน การขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทาง การรับแขกไม่ใช่ “งับแขก” นะลูกนะ ฯลฯ ซึ่งบ่อยครั้งก็ต้องมีการลงไม้ลงมือกันบ้างพองามเพื่อให้จดจำได้แม่นยำขึ้น
กับทุกตัวได้ผลหมด โดนขึ้นเสียง ดีดหู หรือตีเบาๆ ก็รู้ว่าทำตัวผิด รีบสงบเสงี่ยมเจียมตัวสัญญาว่า ทีหลังไม่ทำแล้วครับ(ค่ะ)...เว้นเจ้าบู๊
ครับเหมือนกับเด็กนั่นแหละ ถ้าไม่คอยอบรมสั่งสอนโตขึ้นก็จะเสียหาย ทำอะไรขายขี้หน้าเสียชื่อพ่อแม่หมด
เหมือนอย่างบรรดาผู้ทรงเกียรติที่สุดแสนจะสุภาพเรียบร้อยจนนึกนิยมพ่อแม่เขาที่อบรมมาอย่างดี ที่เที่ยวมาไหว้ขอเสียงจากพวกเราเพื่อเข้าสภานั้นแหละ...แล้วเป็นไง...ขี้เกียจเข้าประชุม จนสภาล่มแล้วล่มอีก ชวนให้สันนิษฐานว่า อาการ “สันหลังยาว" เช่นนี้คงติดตัวตั้งแต่เด็กแล้ว
คงต้องโทษถึงพ่อแม่โน่นแหละครับ!
บัญชร ชวาลศิลป์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง