พงศ์พัฒน์ - จักรทิพย์

 การแต่งตั้งนายตำรวจระดับ พล.ต.ท.-พล.ต.อ.ครั้งนี้ถือว่าลงตัวทั้งภูธรและหน่วยหลัก มีกฎเกณฑ์ ยึดหลักคุณธรรมไว้มาก

 ต้องชื่นชมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่เลือกสรรนายตำรวจได้ถูกกับงานยึดความสามารถบวกกับอาวุโส ผสมผสานกันได้เยี่ยม

 กองบัญชาการหลักอย่างสอบสวนกลางได้ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รองฯ ในหน่วยขึ้นมาบริหาร มีกองบังคับการคุมทุกภาคส่วนของประเทศไทย

 นายตำรวจท่านนี้ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เป็นสีกากีรุ่นใหม่ที่นำเทคโนโลยีบวกเข้ากับหลักการสืบสวนด้านพฤติกรรมศาสตร์ มาไล่ล่าคนร้ายได้อย่างแม่นยำ เก็บหลักฐานดำเนินคดีได้อย่างรัดกุม

 พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ผ่านงานมาอย่างโชกโชน คลี่คลายคดีสำคัญๆ ไว้มากมายไม่ว่ากรณี "ฆาตกรต่อเนื่อง" หรือแม้แต่คดีระดับชาติ จนต่างประเทศให้การยอมรับมีรางวัลการันตีมากมาย

 ที่น่าสนใจก็เพราะว่าที่ ผบช.ก. คนนี้กำลังจะพลิกประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมด้านลบขององค์กรตำรวจทั้งหมดและมุ่งสร้างตำรวจพันธุ์ใหม่ให้เกิดขึ้นให้ได้ใน 7 ปีข้างหน้าก่อนเกษียณอายุราชการ

 นายตำรวจหนุ่มไฟแรงอีกคนคือ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ว่าที่ ผบช.น.ต่อจาก พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ว่าที่จเรตำรวจ

 พล.ต.ท.จักรทิพย์นับว่าเป็นคนหนุ่มที่คล่องตัว เจ้าของฉายามือประสานหลายสิบทิศ จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 36 อายุราชการยาวนานถึงปี 2563

 นี่อาจเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของ สตช. ที่มีนายตำรวจหนุ่มเข้ามาคุมหน่วยใหญ่อย่างนครบาล ที่มีปัญหาสารพัด ทั้งอาชญากรรม ปัญหาทางการเมือง และยังเป็นศูนย์รวมของมิฉาชีพจากหัวเมืองใหญ่และเหล่าร้ายจากนานาประเทศทั่วโลก

 ยังดีที่ พล.ต.ท.จักรทิพย์ เป็นลูกหม้อนครบาลเก่า การจูนคลื่นกับผู้ใต้บังคับบัญชานับหมื่นนายคงไม่ยากนัก

 ที่สำคัญนายตำรวจท่านนี้ถือว่าอยู่ในสถานะที่ทำงานได้โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังว่า ใครจะมาเลื่อยเก้าอี้ เพราะเส้นทางและความแนบแน่นกับภาคการเมืองมีอยู่ทุกส่วน

 จากนี้ไปก็เหลือเพียงบทพิสูจน์ผลงานว่าจะเข้าตาแค่ไหน

 บช.ก.มีกำลังรบอยู่ทั่วประเทศ, บช.น.หัวใจคนเมืองหลวง ที่โจรผู้ร้ายมุ่งหน้าเข้ามาเสี่ยงขุดทอง

 หาก 2 นายตำรวจหนุ่มสร้างความอบอุ่นใจให้แก่ชาวบ้านได้ อนาคตไม่ต้องพูดถึงเพราะอายุราชการยังอีกยาวไกล

 เก้าอี้ 2 ตัวนี้ไม่พอหรอก!!