ข่าว

ญี่ปุ่นจี้นายกฯเร่งแก้ปมมาบตาพุดลั่นผิดหวังรัฐจัดการช้า-เตือนเสียโอกาสแข่งขัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นายกฯ พบนักลงทุนญี่ปุ่น ปลอบใจให้รอรัฐแก้ปัญหาโครงการมาบตาพุด ด้านประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ สวนกลับผิดหวัง ชี้รัฐออกประกาศประเภทกิจการรุนแรงล่าช้า ทำให้วางแผนลงทุนลำบาก เตือนหากปล่อยนานไทยเสียโอกาสทางการแข่งขัน ญี่ปุ่นอาจหันไปลงทุนประเทศอื่นในอาเซี

   นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษงาน “นายกรัฐมนตรีพบนักธุรกิจญี่ปุ่น” จัดโดยสมาคมไทย-ญี่ปุ่น ร่วมกับหอการค้าญี่ปุ่น กรุงเทพฯ (เจซีซี) โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญและบทบาทของนักลงทุน และนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ที่สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีหลายบริษัทจากญี่ปุ่น เช่น มิตซูบิชิ โตโยต้า และนิสสัน ที่ประกาศแผนขยายการลงทูนในไทย เพื่อผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออก เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการให้ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย พร้อมทั้งขอให้นักธุรกิจญี่ปุ่นอดทนรอการแก้ไขปัญหาในโครงการมาบตาพุด ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งแก้ไขอยู่

 นายจุนอิจิ มิโซโนะอูเอะ ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ กล่าวว่า ปัญหาที่ทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นกังวลใจในขณะนี้คือ ปัญหาการเมืองและปัญหาการลงทุนในโครงการมาบตาพุด โดยที่น้ำหนักจะอยู่ที่มาบตาพุดมากกว่า โดยเฉพาะความไม่ชัดเจนในการประกาศประเภทกิจการ หรือโครงการที่อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อชุมชน ด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และสุขภาพ (เอชไอเอ) ตามมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งนักลงทุนญี่ปุ่นต้องการเห็นการประกาศฉบับนี้ออกมาโดยเร็ว แม้นายกฯ ระบุว่าจะประกาศประเภทกิจการภายใน 2 เดือน แต่นักลงทุนมองว่าช้าเกินไป และมีผลต่อแผนการลงทุนในอนาคตของนักลงทุน

 “ความไม่ชัดเจนในการประกาศประเภทกิจการที่มีผลกระทบรุนแรงฯ ส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนในอนาคตของนักลงทุน ทำให้เรารู้สึกผิดหวัง เพราะเรารอมานานแล้ว แม้ว่านายกฯ ระบุว่าจะประกาศประเภทกิจการที่อาจมีผลกระทบรุนแรงฯ ภายใน 2 เดือน แต่ถือว่ายังช้าไป นักลงทุนต้องการให้ประกาศโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม เห็นด้วยที่ไทยจะมีการประกาศมาตรฐานการผลิตอุตสาหกรรมที่สูงขึ้น เพื่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม แต่นักลงทุนก็ต้องการให้ประกาศฉบับนี้ออกมาโดยเร็ว" นายจุนอิจิ ระบุ

 ทั้งนี้ หากไทยไม่มีการพัฒนาตัวเองก็จะสูญเสียอำนาจในการแข่งขัน เมื่ออาเซียนรวมตัวเป็นตลาดเดียวกันในปี 2015 การที่นักลงทุนญี่ปุ่นจะหันไปลงทุนประเทศอื่นๆ ในอาเซียนก็มีโอกาสสูง แต่ยอมรับอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนฯ ของไทยมีความแข็งแกร่งมาก นักลงทุนญี่ปุ่นจะยึดไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ต่อไป ขณะที่อุตสาหกรรมการผลิตอื่นๆ ก็มีศักยภาพมากเช่นกัน

 ด้านนายฮิเดโนริ มัสสอิ ประธานบริษัทโตชิบาไทยแลนด์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยการเมืองถือเป็นปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจไทย แต่นักลงทุนญี่ปุ่นมีความเชื่อมั่นที่จะลงทุนในไทย หากพิจารณาระหว่างปัจจัยเสี่ยงกับโอกาสการลงทุน พบว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนที่สุดขณะนี้

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ