ข่าว

ลุยปิดวิทยุชุมชนแดงขอนแก่นข่าวรั่วถอดอุปกรณ์หนี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ลุยปิดวิทยุชุมชนเสื้อแดงขอนแก่น แต่ข่าวรั่วถอดอุปกรณ์หลบหนี วิทยุชุมชนตามอำเภอรอบนอก จังหวัดอุดรธานี ยังออกอากาศปลุกระดมอย่างต่อเนื่อง

  เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 25 พ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร  ได้ร่วมกันเข้าทำการยึดเครื่องส่งและอุปกรณ์สถานีวิทยุชุมชนคนเสื้อแดงที่เชื่อมเครือข่ายสัญญาณ ทั้งจังหวัดจำนวน 5 สถานี หลังศาลอมุมัติหมายค้น โดยให้เหตุผลว่า สถานีวิทยุดังกล่าวมีการเผยแพร่ข้อความปลุกระดมคนเสื้อแดงให้มาชุมนุมและก่อให้เกิดความเสียหาย ทั้งการเผาสถานที่ราชการ และเป็นการฝ่ฝืนพรก.ฉุกเฉิน

           โดยสถานีวิทยุที่ถูกทหารและตำรวจเข้าตรวจค้นครั้งนี้ ประกอบด้วยสถานีวิทยุคนเสื้อแดง ถ.ประชาสโมสร อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นแม่ข่ายสถานีสิทยุคนเสื้อแดง สถานีวิทยุชุมชน บ้านหนองปอ อ.เมือง สถานีวิทยุชุมชนคนเสื้อแดง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น สถานีวิทยุชุมชนคนเสื้อแดง อ.ชุมแพ และสถานีวิทยุชุมชน อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น แต่ศาลอนุมัติหมายค้นเพียง 4 สถานี ยกเว้นสถานีวิทยุชุมชนคนเสื้อแดง อ.บ้านไผ่ ที่ตั้งในสำนักงาน นายเรืองเดช สุพรรณฝ่าย ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.ขอนแก่น และเคยใช้เป็นสถานีในการระดมคนมาปิดถนนมิตรภาพ และยึดรถทหารก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน สถานีวิทยุคนเสื้อแดง อ.ชุมแพ ที่ผอ.รส.จังหวัด ได้แจ้งให้ตำรวจ สภ.ชุมแพ เข้าดำเนินการตรวจค้นและยึดเครื่องส่ง ก็ได้รับแจ้งว่า สถานีดังกล่าวได้ปิดดำเนินการแล้ว จึงไม่มีการเข้าตรวจค้น

 สำหรับสถานีวิทยุ 3 สถานีที่เข้าตรวจค้น พบว่า สถานีทั้งหมดทราบล่วงหน้าว่า จะมีากรตรวจค้นและยึดเครื่องส่ง โดยสถานีวิทยุคนเสื้อแดง ถ.ประชาสโมสร สถานีแม่ข่าย เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดได้ เพียงพาวเว่อร์แอมป์ มิกเซ่อร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยทั้งหมดถูกถอดไว้แล้ว และน่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้งานจริง ขณะที่สถานีวิทยุชุมชนบ้านหนองปอ พบว่า อุปกรณ์ทั้งหมดได้มีการถอดรื้อ โยกย้ายไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยในสถานีมีเพียงคีมตัดลวดเพียงด้ามเดียว ขณะที่สถานีวิทยุชุมชนคนเสื้อแดงน้ำพอง เจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นผิดสถานที่ จนต้องตามไปยึดอุปกรณ์บางส่วน จากสำนักงานอดีต ส.ส.คนหนึ่ง และอุปกรณ์ทั้งหมด ถูกนำมาเก็บไว้ที่สโมรสรนายทหาร ค่ายศรีพัชรินทร์ ขอนแก่น

อุดรธานีวิทยุชุมชนตามอำเภอยังออกอากาศปลุกระดม

  เมื่อเวลา 08.00 น.นายอำนาจ ผการัตน์ ผวจ.อุดรธานี เป็นประธานการประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่ห้องประชุมชั่วคราวสำนักงาน เหล่ากาชาดจังหวัด เพื่อติดตามสถานการณ์ความมั่นคงและความไม่สงบในพื้นที่ โดยมีนายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ , นายชยพล ฐิติศักดิ์ , นายกอบเกียรติ กาญจนะ รองผู้ว่าราชการ , พล.ต.ต.เดชา ชวยบุญชุม ผบก.ภ.จว. , พ.อ.อำนวย จุลโนนยาง เสนาธิการ มทบ.24 , เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองฯ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าประชุม

        นายอำนาจ กล่าวว่า ตนยังคงห่วงสถานการณ์ของบ้านเมือง โดยเฉพาะสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ที่ยังมีกระแสข่าวจะมีการเคลื่อนไหวก่อกวนความไม่สงบสุขในพื้นที่ ทั้งในเขตเทศบาลนครอุดรธานี และพื้นที่อำเภอต่าง ๆทั้ง 20 อำเภอ โดยเฉพาะสถานีวิทยุชุมชนบางแห่ง ที่ยังคงมีความเคลื่อนไหวและออกอากาศอยู่ในขณะนี้

  "ผมได้ประชุมทางวีดีโอคอนเฟอร์เรนท์กับแม่ทัพภาคที่ 2 ที่แสดงความเป็นห่วง โดยเฉพาะเรื่องของสถานีวิทยุชุมชน ที่ยังมีการออกอากาศ และมีความพยายามเคลื่อนไหว จะก่อความไม่สงบสุขในบ้านเมือง โดยได้สั่งการให้ทางจังหวัดเข้าดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ตามประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ขอให้ทางตำรวจ ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามเฝ้าระวังในทุกพื้นที่ หากพบว่ายังมีความเคลื่อนไหวและออกอากาศอยู่ ขอให้ดำเนินการยึดเครื่องส่ง พร้อมกับปิดสถานีทันที " ผวจ.อุดรธานีกล่าว
 
        พ.อ.อำนวย จุลโนนยาง เสนาธิการ มทบ.24 กล่าวว่า ยังคงมีสถานีวิทยุชุมชนอีกจำนวนหนึ่ง ที่ยังมีพฤติการณ์และความเคลื่อนไหว และทางทหารได้ทำการเฝ้าฟังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะขอให้นายอำเภอทุกอำเภอ เฝ้าฟังติดตามความเคลื่อนไหว และการออกอากาศของสถานีวิทยุชุมชนในฟื้นที่ของตัวเอง หากพบว่ามีความเคลื่อนไหวก็ขอให้รีบแจ้งมายัง มทบ.24 โดยด่วน
 
        พล.ต.ต.เดชา กล่าวว่า ในขณะนี้ผลการดำเนินคดี เอาผิดกับผู้กระทำความผิดและก่อความไม่สงบเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม คืบหน้าไปมาก โดยขณะนี้ได้มีการเสนอออกหมายจับบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์และมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายที่ชัดเจนว่าเป็นผู้ร่วมอยู่ในการกระทำผิด 9 คน และจะได้ติดตามจับกุมตัวบุคคลดังกล่าวมาดำเนินคดีต่อไป นอกจากนี้จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบร่วมหลักฐานพยานภาพถ่ายที่ชัดเจนเพื่อเสนอออกหมายจับต่อบุคคลที่ร่วมกันก่อเหตุในวันดังกล่าวที่ยังเหลืออยู่ เพื่อที่จะได้ติดตามตัวมาดำเนินการต่อไป
 
      "ส่วนการจับกุมผู้กระทำความผิดตามประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่ ตำรวจได้ทำการจับกุมประชาชนที่ได้กระทำผิด ฝ่าฝืนประกาศดังกล่าวจำนวน 16 ราย และได้ส่งฟ้องศาล ซึ่งศาลได้มีคำสั่งลงโทษให้จำคุกคนละ 1 เดือน ปรับ 1,000 บาท สำหรับโทษจำคุกให้รอลงอาญาเป็นเวลา 1 ปี " พล.ต.ต.เดชากล่าว

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ