ข่าว

ชาวไทยร่วมใจล้างสีลม-ราชประสงค์พบระเบิด

ชาวไทยร่วมใจล้างสีลม-ราชประสงค์พบระเบิด

23 พ.ค. 2553

ผู้ว่ากทม.ร่วมใจชาวไทยจิตอาสากว่าพันคนจัด"บิ๊กคลีนนิ่ง"ทำความสะอาด ถนนสีลม-สวนลุม-ราชประสงค์ ช่วงล้างถนนพบระเบิดเพลิงซุกถุงดำข้างพุ่มไม้ใกล้สถานีรถไฟฟ้าราชดำริ ชาวบ้านเศร้าไม่น่าเผาขนาดนี้

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 23 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณถนนสีลม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมทีมงานและประชาชนกว่า 1,000 คน เข้าทำความสะอาดบริเวณถนนสีลม ถึงแยกบ่อนไก่ โดยโครงการดังกล่าว กทม. ถือว่า เป็นโครงการบิ๊กคลินนิ่ง ของกทม. โดยช่วงเช้าเริ่มสักการะลานพระบรมรูปอนุสาวรีย์ ร.6 เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะเริ่มลงมือทำความสะอาด โดยประชาชนที่มีใจอาสา ร่วมทำความสะอาดบริเวณถนนสีลม ถนนราชดำริ ถนนพระราม 4 ซึ่งเป็นพื้นที่การชุมนุมทำให้พื้นถนนสกปรกและมีสิ่งกีดขวางยางรถยนต์ขยะจำนวนมากตกค้างอยู่

 ขณะที่เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน เร่งระดมกำลังเพื่อเข้าเคลียร์และทำความสะอาดพื้นที่สี่แยกราชประสงค์ อย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ได้นำรถดับเพลิงหลายคันเพื่อฉีดน้ำเข้าไปในซาก ของห้างเซ็นห้างสรรพสินค้าที่ถูกไฟไหม้แม้ว่าจะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่ก็ยังมีควันลอยคละคลุ้งออกมาอยู่ตลอดเวลา

 สำหรับสภาพพื้นที่ราชประสงค์ส่วนใหญ่ยังเต็มไปด้วยกองขยะจำนวนมาก กระจายอยู่ทั่วบริเวณท้องถนน โดยเจ้าหน้าที่หลายคนกล่าวตรงกันว่า แม้จะยังไม่สามารถระบุวันเปิดช่องทางให้กลับมาใช้งานตามปกติได้ แต่พวกเค้าก็จะพยายามเร่งเคลียร์พื้นที่ให้สี่แยกราชประสงค์ใจกลางมหานครแห่งนี้ กลับมาใช้งานได้โดยเร็วที่สุด

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่ประชาชนช่วยกันทำความสะอาดอยู่บริเวณถนนราชดำริ ก่อนถึงสถานีรถไฟฟ้าราชดำริ เพียงเล็กน้อยที่บริเวณเกาะกลางถนนใกล้พุ่มไม้ เจ้าหน้าที่พบถุงดำซุกซ่อนอยู่จึงเปิดออกมาดูพบระเบิดปิงปองพันด้วยสก๊อตเทปสีดำจำนวน 5-6 ลูก และระเบิดเพลิงอีก 4 ลูก เจ้าหน้าที่จึงกันไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้ เจ้าหน้าที่สรรพวุธมาเก็บกู้วัตุระเบิดพบว่าเป็นเพียงสก๊อปเทปดำพันติดกันเป็นก้อนเท่านั้นไม่ใช่ระเบิดปิงปอง

 นอกจากนี้ระหว่างที่ประชาชนช่วยกันทำความสะอาดเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องขยายเสียงประกาศเตือนประชาชนตลอดเวลาว่าอย่าพยายามไปจับต้องหรือหยิบวัตถุถุงต้องสงสัยตามพุ่มไม้ หรืออะไรที่มองไม่เห็นเพราะอาจจะเป็นวัตถุระเบิดทำให้เกิดอันตรายได้ หากพบวัตถุต้องสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบ ส่วประชาชนขอให้ทำความสะอาดบริเวณฟุตบาท หรือพื้นถนนเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย

ชาวบ้านเศร้าไม่น่าเผาขนาดนี้

 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเนชั่น ได้สอบถามความคิดเห็นชาวบ้านที่มาช่วยทำความสะอาดย่านราชประสงค์ โดย น.ส.นพพาภรณ์ พิลากุล อายุ 40 ปี ช่างซ่อมเสื้อผ้าย่านรามคำแหง กล่าวว่า ตนนั่งรถมาลงที่ประตู้น้ำ เพื่อตั้งใจมาช่วยทำความสะอาดย่านราชประสงค์ ตอนมาถึงก็ได้กลิ่นขยะเหม็นฟุ้งไปทั่วถนนสกปรกมาก จึงช่วยกันทำความสะอาดร่วมกับชาวบ้านคนอื่นๆ ซึ่งเพื่อนก็ได้ซื้อขนมให้นำมาฝากเพื่อนๆที่มาช่วยกันทำความสะอาดด้วย ส่วนจะกลัวว่าจะมีระเบิดหรือไม่นั้นตนไม่กลัวเพราะคิดว่าเจ้าหน้าที่น่าจะเก็บกู้หมดแล้ว คนที่เผาอาคารห้างสรรพสินค้าไม่น่าทำอย่างนี้ เหตุการณ์ผ่านมาเศร้าใจมากไม่น่าเผาบ้านเมืองขนาดนี้

 นางฐิติพร ด่านสว่างกุล อรยุ 60 ปี กล่าวว่า วันนี้มาถึงแยกราชประสงค์ตั้งแต่ 9.15 น. เดินทางจากคอลงสามวามาลงที่อนุเสาร์รีย์ชัยสมรภูมิ จากนั้นได้ต่อรถเมล์มาลงที่สภากาชาดแล้วเดินเข้ามา   วันนี้ตนมาด้วยใจ ไม่ได้กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ระเบิดซ้ำอีก  และคิดว่าการกระทำของคนเข้าร่วมประท้วง เป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ไม่ควรถึงขนาดเผาบ้านเผาเมือง เพราะมันเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง  โดยส่วนตัวรู้สึกดีใจ คนไทยเข้ามาช่วยเหลือกัน และดีใจที่มีประชาชน หลายวัยที่เห็นใจชาติบ้านเมือง

 นายกิตกร นาเมืองรักษ์ อายุ 43 ปี พนักงานโรงงาน ติดตามข่าวสารทางทีวีทุกวัน เมื่อเห็นแล้วรู้สึกว่ามันร้ายแรงเกินไปและไม่น่าที่จะทำกัยได้ถึงขนาดนี้   ทางด้านรัฐบาลเองควรให้คำตอบที่กระจ่างชัด และการกระทำที่เกิดขึ้น ก็ดูเหมือนจะเหมาะสม เพราะรัฐบาลควรได้บทเรียนในครั้งนี้  สำหรับวันนี้รู้สึกดีใจที่คนไทยสามัคคีช่วยเหลือ มาร่วมทำความสะอาดกัน 

 นางต๋อย  อายุ 50 ปี เปิดเผยว่า เดินทางมาจากนนทบุรี ขับรถส่วนตัวมาลงที่บ่อนไก่ รู้สึกกลัวเหมือนกันแต่ก็คอยระวังอยู่ตลอด     ตนสงสารประเทศชาติที่ตนยังความคิด ปล่อยให้ถูกชักจูง เห็นแก่เงิน   วันนี้เห้นภาพคนไทยช่วยเหลือกันรู้สึกปลื้มที่คนไทยช่วยเหลือกัน  ที่เดินทางมาครั้งนี้อยากมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูประเทศ

 นายเอกนรินทร์ อร่ามวิทย์ อายุ 23 ปี เปิดเผยว่า ตนอยู่แถวลาดพร้าว ได้ทราบข่าวจากเฟสบุ๊คเลยเดินทางมาคนเดียว เห้นรูปแล้วสลด เพราะอยากทำไรเพื่อชาติบ้าง คิดว่าคนไทยไม่น่าจะทำแบบนี้ เพราะคนที่ไม่เกี่ยวข้องมีเยอะแยะ อยากให้คิดก่อนที่จะทำ   ส่วนตนไม่คิดว่าไม่น่าจะเกิดเหตุซ้ำ  เพราะกทม ได้ประกาศแล้ว น่าจะปลอดภัย ตอนนี้รู้สึกดีที่คนไทยรักกันเพราะคิดว่าส่วนน้อย ไม่ถึง 1เปอร์เซ็นต์ของประเทศที่เผา และเชื่อว่าตราบใดที่มีในหลวง ก็ยังมีความหวังเสมอ  คนที่มาวันนี้อย่างน้อยก็ทำเพื่อในหลวง