ข่าว

ปล่อยตัว'สุเทพ'พร้อม13แกนนำข้อหากบฏ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ปล่อยตัว'สุเทพ'พร้อม13แกนนำข้อหากบฏ 6แสนวงเงินประกันห้ามออกนอกประเทศ เลขาฯกปปส.โดนฟ้องคดีฆาตกรรมเหตุสลายม็อบนปช.ปี 53 ร่วมกัน'มาร์ค'ด้วยแต่ปฏิเสธข้อสู้คดี

               เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 26 พ.ค.2557 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก  เจ้าหน้าที่ทหารซึ่งใช้อำนาจตามประกาศกฎอัยการศึก ได้นำตัว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พร้อมด้วยแกนนำ กปปส. จำนวนหนึ่ง อาทิ นายถาวร เสนเนียม , นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย , นายสุริยะใส กตะศิลา และนายเอกณัฎ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. ที่ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควบคุมตัวไว้ในการประกาศกฎอัยการศึก มายังสำนักงานอัยการคดีพิเศษ เพื่อให้พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งข้อกล่าวหาและทำบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาตามขั้นตอนชั้นสอบสวนคดีให้แล้วเสร็จ หลังจากที่ก่อนหน้านี้อัยการสำนักงานคดีพิเศษ มีคำสั่งควรให้ฟ้องนายสุเทพ เลขาธิการ กปปส. กับพวกรวม 50 คนในความผิดฐานร่วมกับกบฎ , สนับสนุนกบำ และความผิดอื่นรวม 8 ข้อหา โดยการแจ้งข้อกล่าวหานั้นมีคณะทำงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ร่วมกับพนักงานสอบสวน ดีเอสไอด้วย

               ขณะที่วันนี้ พนักงานสอบสวน ดีเอสไอ ได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวกับนายสุเทพ เลขาธิการ กปปส. และแกนนำ กปปส. ทั้งสิ้นรวม 13 ราย ซึ่งทนายความ กปปส. ได้ยื่นหลักทรัพย์ 1 แสนบาทเพื่อขอปล่อยชั่วคราวในชั้นสอบสวนนี้ โดยดีเอสไอ อนุญาตปล่อยชั่วคราวนายสุเทพ กับพวกแกนนำ กปปส. ทั้ง 13 ราย และนัดให้มารายงานตัวอัยการในวันที่ 17 มิ.ย.นี้

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ถูกควบคุมตัวมาที่สำนักงานอัยการ นายสุเทพ ซึ่งสวมเสื้อเชิ๊ตแขนยาวลายลิ้วขาว-ฟ้าที่เป็นเสื้อผ้าชุดเดิมตั้งแต่ถูก คสช.ควบคุมตัวนั้น มีสีหน้าเรียบเฉย

               ด้านนายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. หนึ่งในผู้ต้องหาที่เดินทางมาวันนี้ กล่าวว่า วันนี้แกนนำ กปปส. ซึ่งเป็นกลุ่มแกนนำหลัก ได้เดินทางมาพบพนักงานอัยการครบทุกคน ซึ่งเราให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาในคดีกบฏ

               นายเอกณัฏ โฆษก กปปส. ยังเปิดเผยด้วยว่า ระหว่างที่ตน และแกนนำ กปปส. ถูกคุมตัวอยู่ในค่ายทหาร ก็ได้รับการปฏิบัติและดูแลจากทหารเป็นอย่างดีแต่ไม่สามารถติดต่อบุคคลภายนอกได้ และได้มีการติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้นจากหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์เท่านั้น โดยระหว่างที่ถูกควบคุมตัวก็เหมือนเข้าค่ายฝึก ร.ด.สมัยเรียน ทุกคนยังมีสุขภาพดี  ด้านนายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษาเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) กล่าวว่า การที่ คสช. มีประกาศให้คดีความ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ 113 รวมทั้งคดีความที่ต่อเนื่องกันอยู่ในขอบเขตการพิจารณาของศาลทหารนั้น แต่คดีของแกนนำ กปปส.และ คปท.นี้ ได้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีประกาศของ คสช.ดังกล่าว ดังนั้นเชื่อว่าคดีนี้จึงอยู่ในการพิจารณาของศาลอาญาตามเดิม

               ขณะที่นายสวัสดิ์ เจริญผล ทีมทนายความ กปปส. กล่าวว่า วันนี้พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมบันทึกคำให้การของนายสุเทพ ในคดีที่อัยการสั่งฟ้องในข้อกบฏเสร็จสิ้นเรียบร้อยตามขั้นตอนแล้ว โดยตนได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 100,000 บาท ต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอ เพื่อขอปล่อยชั่วคราวในชั้นสอบสวน โดยเบื้องต้นทางดีเอสไอได้อนุญาตให้ประกันตัวนายสุเทพแล้ว ส่วนทางดีเอสไอจะนัดส่งตัวให้อัยการเพื่อยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาเมื่อใดนั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งวันเวลาที่ชัดเจน แต่เบื้องต้นคาดว่าน่าจะนัดหมายเพื่อส่งฟ้องศาลภายใน 30 วัน

               ด้าน นายถาวร เสนเนียม หนึ่งใน แกนนำ กปปส. ที่เดินทางรับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการแจ้งข้อกล่าวว่า จากนี้จะเตรียมพยานหลักฐานเพื่อใช้ในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา โดยเช้าวันที่ 17 มิ.ย.นี้ จะรวบรวมพยานหลักฐานที่ใช้ต่อสู้คดีมายื่นด้วย อย่างไรก็ตามแกนนำทั้งหมด ได้วางหลักทรัพย์ประกันตัวแล้วคนละ 100,000 บาท โดยทุกคนจะกลับบ้านหมด ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของทหารแล้ว เพราะอยู่ในกระบวนการยุติธรรม

               ด้านนายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า กระบวนการขั้นตอนในครั้งนี้ยังไม่ใช่การส่งตัวฟ้องในชั้นอัยการ เพียงแต่อัยการได้อำนวยความสะดวกในด้านสถานที่ เพื่อให้ดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาและทำบันทึกคำให้การ ประกอบในสำนวนคดี แต่อัยการจะได้นำตัวนายสุเทพ ไปยื่นฟ้องเฉพาะคดีที่ร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายก ฯ เท่านั้น ข้อหาร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเล็งเห็นผล จากกรณีสลายการชุมนุมของกลุ่มนปช.เมื่อปี 2553 เท่านั้น โดยอัยการไม่ได้คัดค้านการให้ประกันตัวดังกล่าวแต่ให้อยู่ในดุลพินิจของศาล

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลาประมาณ 12.20 น. เจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ควบคุมตัวนายสุเทพ เลขาธิการ กปปส. เดินเท้า จากสำนักงานอัยการสูงสุด มายังศาลอาญา ที่อยู่ห่างกันประมาณ 400 - 500 เมตร ซึ่งนายสุเทพ ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนตั้งแถวตอนเรียงหนึ่งตลอดเส้นทางไปศาล และมีเจ้าหน้าที่ทหารประกบด้านหน้าและหลัง ขณะที่มีกลุ่มมวลชนจำนวนหนึ่ง ถือช่อดอกไม้ มารอให้กำลังใจ นายสุเทพ เลขาธิการ กปปส. พร้อมส่งเสียงว่า “ กำนันสู้ สู้ ”

               ต่อมา เวลา 12.25 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.พิชิต นนทสุวรรณ พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1ได้ยื่นฟ้อง นายสุเทพ อายุ 64 ปี เลขาธิการ กปปส. ในฐานะอดีตรองนายกรัฐมนตรี ปี 2553 เป็นจำเลย ในความผิดฐาน ร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำหรือฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80,83,84

               ตามคำฟ้องบรรยายพฤติการณ์ สรุปว่า ระหว่างวันที่ 7 เม.ย. - 19 พ.ค.53 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ต่อเนื่องกัน นายสุเทพ จำเลย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยที่อัยการยื่นฟ้องเป็นคดีแล้ว หมายเลขดำ อ.4552/56 ได้ร่วมกันใช้หรือสั่งการให้เจ้าหน้าที่หน่วยทหารต่าง ๆใช้อาวุธปืนชนิดร้ายแรง ปฏิบัติการผลักดัน ควบคุมพื้นที่ สลายการชุมนุม หรือขอคืนพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ทำให้เห็นได้ว่าจำเลยกับพวกประสงค์ต่อผล หรือเล็งเห็นผลในการเสียชีวิตและบาดเจ็บของผู้ชุมนุมและประชาชนที่อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ จนเป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตาย 12 ราย และนายสมร ไหมทอง ได้รับบาดเจ็บต่อมาวันที่ 13 ธ.ค.55 พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งข้อหาจำเลยแล้ว ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ

               ต่อมา นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความของนายสุเทพ ได้ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์เป็นสมุดบัญชีเงินฝาก ธนาคารกสิกรไทยฯ เพื่อขอปล่อยชั่วคราว

               โดยเมื่อเวลา 14.00 น. ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พฤติการณ์ตามคำฟ้องประกอบข้อเท็จจริงที่ปรากฏ พบว่าจำเลยไม่เคยถูกควบคุมตัวในชั้นสอบสวน และไม่มีสาเหตุให้เชื่อว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน หรืออาจไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก อีกทั้งเมื่อโจทก์ ไม่คัดค้านการปล่อยชั่วคราว และจำเลยให้การปฏิเสธตามฟ้องโจทก์ จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้ โดยตีราคาประกัน 600,000 บาท พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราว ห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรด้วย เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

               ขณะที่ศาล ได้ประทับรับฟ้องคดีไว้เป็นคดี หมายเลขดำ อ.1375/2557 โดยสอบคำให้การแล้ว นายสุเทพ จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 28 ก.ค. นี้ เวลา 09.00 น.

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากศาลอาญา ให้ปล่อยชั่วคราวแล้ว นายสุเทพ เดินออกมาจากศาลด้วยสีหน้าเรียบบเฉย โดยโบกมือ ให้กับมวลชนจำนวนหนึ่งที่มากำลังใจ ขณะที่ระหว่างนั้นมีกำลังทหาร - ตำรวจ จำนวนมาก มาคอยคุ้มกันและดูแลความเรียบร้อย ก่อนที่นายสุเทพ เลขาธิการ กปปส. จะขึ้นรถยนต์ ที่มีเจ้าหน้าที่ทหารนั่งประกบบนรถ ออกไปจากศาล โดยมีรถยนต์ของทหารวิ่งตามหลังไป

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  สำหรับแกนนำ กปปส. ทั้ง 13 ราย ผู้ต้องหาคดีกบฎที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้แจ้งข้อกล่าวหาในวันนี้ ประกอบด้วย 1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.  2.นายถาวร เสนเนียม 3.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ 4.นายสาธิต วงศ์หนองเตย  5.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์  6.นายณัฏฐพล  ทีปสุวรรณ 7.นางทยา ทีปสุวรรณ  8.นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก  9.นางสาวจิตภัสร์ กฤดากร 10.นายชุมพล จุลใส  11.นายนิติธร ล้ำเหลือ  12.นายสุริยะใส กตะศิลา และ13.พลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ซึ่งพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้แจ้งข้อหากบฏ และความผิดอื่นรวม 8 ข้อหาเสร็จสิ้นแล้ว 

               อย่างไรก็ดีในส่วนของนายสุเทพ และนายชุมพล ที่ก่อนหน้านี้อัยการสำนักงานคดีพิเศษ ได้มีคำสั่งให้ดีเอสไอ แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 กรณีนำมวลชน ไปชุมนุมที่บริษัทกสท.ฯ เขตบางรัก ทำให้ระบบโทรคมนาคมและอินเตอร์เน็ตล่มนั้น ดีเอสไอได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทั้งสองคน ทราบตามขั้นตอนแล้ว

               ส่วน พระพุทธอิสระ ,นายพิภพ ธงไชย ,พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ และแกนนำคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ถูก คสช.ควบคุมตัว ซึ่งวันนี้ได้เดินทางมายังสำนักงานอัยการนั้น เป็นการเดินทางมารายงานตัวด้วยตนเอง แต่เนื่องจากดีเอสไอยังไม่ได้เตรียมเอกสารในการแจ้งข้อหา เพราะยังไม่ได้มีการนัดส่งตัว จึงยังไม่ได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งต้องรอให้ดีเอสไอแจ้งวันนัดกับทางแกนนำกปปส.ที่เหลืออีกครั้งเพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป


ทนาย“96พธม.”ขอศาลเลื่อนตรวจหลักฐาน

     
               เมื่อเวลา 09.00 น. ศาลนัดตรวจหลักฐานคดีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ชุมนุมปิดท่าอาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง รวม 8 สำนวน คดีหมายเลขดำที่  อ.973/2556 , อ.1067/2556 , อ.1204/2556 , อ.1279 /2556 ,  อ. 1316/2556 , อ. 1406/2556 , อ. 1522/2556และ อ.1559/2556 พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง , นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พธม. กับพวก รวม 96 คน เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาลโดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, ร่วมกัน มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ฯ , ร่วมกันเข้าไปรบกวนการครอบครอง เข้าไปซ่อนตัวในอาคารสำนักงานของผู้อื่นและไม่ยอมออกไปจากสถานที่นั้น โดยใช้กำลงประทุษร้าย, ร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปฝ่าฝืนคำสั่งของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ.2521 กรณีร่วมกับแกนนำพันธมิตร ฯ พาผู้ชุมนุม ปิดล้อมท่าอากาศยานดอนเมือง และสุวรรณภูมิ เมื่อเดือน พ.ย.- ธ.ค.51      

               แต่อย่างไรดี เมื่อถึงเวลา ทนายความจำเลย แถลงต่อศาลว่า เนื่องจากนายสนธิ จำเลยที่ 2 และจำเลยอื่น จำนวนหนึ่ง ได้รับคำสั่งคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ให้ไปรายงานตัว ที่สโมสรกองทัพบก ซึ่งยังไม่ได้เดินทางออกมา จึงไม่สามารถมาศาลตามนัดได้วันนี้ ขณะที่จำเลยอีกส่วนหนึ่งได้ถูกนำตัวไปพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาคดีร่วม แกนนำ กปปส.กบฎ จึงไม่สามารถเดินทางมาศาลได้เช่นกัน

               ขณะที่ พล.ต.จำลอง จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 6 , จำเลยที่ 32 , จำเลยที่ 40 , จำเลยที่ 59 , จำเลยที่ 67 จำเลยที่ 68 , จำเลยที่ 75 , จำเลยที่ 79 และจำเลยที่ 88 นั้น มีอาการป่วย โดยเฉพาะ พล.อ.จำลอง จำเลยที่ 1 มีอาการเป็นโรคหัวใจ จึงไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ ดังนั้นขออนุญาตเลื่อนนัดประชุมคดีและตรวจพยานหลักฐาน ออกไปก่อน

               ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยต่างมีเหตุจำเป็นที่ไม่อาจมาศาลได้  โดยไม่มีเจตนาที่จะหลบหนี จึงอนุญาตให้เลื่อนนัดประชุมคดีได้ และนัดอีกครั้งใน วันที่ 15 ธ.ค.นี้ เวลา 10.00 น.แต่ขเนื่องจากคดีนี้มีพยานเอกสารจำนวนมาก จึงเห็นควรให้เฉพาะอัยการโจทด์ และทนายความจำเลย ร่วมกันตรวจดูพยานหลักฐานก่อนกันในวันที่ 11 ส.ค.นี้ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนนัดประชุมคดีในวันที่ 15 ธ.ค.นี้   
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ