ข่าว

รปภ.เข้มประชุมสภาฯถก'นิรโทษ'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รปภ.เข้มประชุมสภาฯถก'นิรโทษ' 'เฮียตือ'เชื่อไม่ตายหมู่แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ 'สุริยะใส'ชี้แม้วสั่งถอยใช้กม.กลางซอยร้ายกว่า ภาคเอกชนประสานเสียงเร่งยุติปัญหาการเมือง

 
               31ต.ค.2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะเริ่มขึ้นในเวลา  09.30น. เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่คณะกรรมาธิการวิสัญพิจารณาเสร็จแล้วในวาระที่ 2 และ3  ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวดโดยมี ส.ส.ทยอยเดินทางเข้าประชุม


ปชป. ปิดถ.พระราม5-เศรษฐศิริตั้งเวทีรับ


               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดตั้งเวทีและเต็นท์ถาวรบริเวณจุดตัดถนนพระราม 5 กับถนนเศรษฐศิริ และปิดการจราจรบางช่วง เพื่อเตรียมสถานที่รับมวลชนที่จะมาร่วมชุมนุมต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยมีส.ส.พรรคบางส่วนเดินทางมาบัญชาการและตรวจดูความเรียบร้อยของสถานที่ ขณะที่รถยนต์ที่จะเดินทางมา รพ.วิชัยยุทธ 2 และร้านค้าสวัสดิการกองทัพบก ยังสามารถใช้เส้นทางได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบมาเฝ้าสังเกตการณ์อีกด้วย ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าบริเวณดังกล่าวต่างบ่นว่าคงขายลำบากและต้องรีบเก็บของ เพราะเชื่อว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมในช่วงเย็นจำนวนมาก


"มาร์ค-สุเทพ" เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีสลายม็อบแดง

              
               ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีสลายม็อบเสื้อแดง ปี 2553 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด โดยทนายของทั้ง 2 คน ได้ขอเลื่อนการสั่งฟ้องออกไป เนื่องจากอยู่ในสมัยประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อัยการจึงเลื่อนส่งฟ้องและนัดส่งฟ้องนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพต่อศาลอาญา ไปเป็นวันที่ 12 ธ.ค.56 เวลา 10.00 น. ต่อไป

 

"เฮียตือ"เชื่อไม่ตายหมู่แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้


               นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ทางสปริงนิวส์ ถึงกรณี พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยพรรคร่วมรัฐบาลไทยพร้อมตายหมู่จริงหรือไม่ว่า เราไม่ได้ตายหมู่ ทุกคนอยากให้ประเทศชาติอยู่รอด แต่เรามีวิธีคิดและมีเหตุผล เมื่อมติออกมา เราก็ต้องเคารพการอยู่ร่วมกัน ส่วนจะออกมาทางไหน ทุกอย่างยังไม่แน่นอน เวลานี้ยังถือเอาร่างของกมธ.เสียงข้างมากเป็นหลัก แต่ในสภายังไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ส่วนม็อบจะจุดติดหรือไม่ ไม่ขอประเมิน อะไรก็เกิดขึ้นได้ทางการเมือง

 

"สุริยะใส"ชี้แม้วสั่งถอยใช้กม.กลางซอยร้ายกว่า


               นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำกลุ่มกรีน กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ทางสปริงนิวส์ ว่า เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคงไม่สับขาหลอก โดยดูจากการเตรียมกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมติของพรรคที่ออกมาบีบส.ส.ของพรรค ซึ่งตนทราบข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สั่งกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยให้ถอยมากลางซอย และดูจากที่โอ๊ต พานทองแท้ โพสต์ว่าไม่นิรโทษแกนนำ แต่นิรโทษเฉพาะพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่รวมแกนนำเสื้่อเหลือง เสื้อแดง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และอาจเป็นไปได้ที่จะใช้ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งอาจจะหนักกว่าเก่า ไม่ใช่ยกเข่ง แต่เป็นเข่งลอยได้

             เกมขณะนี้เมื่อเขาสุดซอย เราก็ต้องสุดซอย อย่างไรก็ตาม บ่ายวันพรุ่งนี้ (1 พ.ย.) จะมีการประชุมแกนนำ 71 จังหวัด และหลังจากนั้นจะมีการแถลงข่าวท่าทีการเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตาม มีมวลชนจาก จ.ระนอง โคราช นครสวรรค์ เข้ามาร่วมชุมนุมแล้ว การที่เราต้องส่งสัญญาณไปก่อน เพราะมีตำรวจสกัดไว้ก่อนแล้ว ส่วนจะร่วมกับที่ผู้ชุมนุมที่สถานีรถไฟสามเสนหรือไม่นั้น หากสถานการณ์ยกระดับก็คงต้องคุยกัน
 
               "จุดสำคัญวันนี้อยู่ที่สถานีรถไฟสามเสนว่าจะมาถึงแสนหรือไม่ ที่รัฐสภาแค่พิธีกรรม ซึ่งคนไม่ต้องการเหตุผลกันแล้ว เพราะทราบแล้วว่าวาระซ่อนเร้นคืออะไร นอกจากนี้ ต้องจับตาที่สีลมอาจจะมีการเคลื่อนไหวเช่นกัน เมื่อประชาธิปัตย์ซึ่เป็นพรรคใหญ่ขับ หลายฝ่ายก็ขยับตาม" นายสุริยะใส กล่าว

 

จนท.คุมเข้มศาลากลางสงขลา


          ที่ศาลากลางจังหวัดสงขลา ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่อส.ดูแลความสงบเรียบร้อยทั้งภายในและภายนอกศาลาจังหวัด เตรียมพร้อมรับมือกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีการนัดหมายและเชิญชวนให้มาร่วมชุมนุมที่หน้าศาลากลางจังหวัดสงขลาในช่วงเย็นของวันนี้เพื่อคัดค้าน ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม โดยเจ้าหน้าที่มีการตรวจรถยนต์ที่จะเข้าไปภายในศาลากลางและสแกนบัตรประชาชนเพื่อบันทึกประวัติเอาไว้ รวมทั้งตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยต่างๆ

          ทั้งนี้เนื่องจากพื้นที่จังหวัดสงขลา เป็นหนึ่งในจังหวัดที่เป็นเป้าหมายหลักที่จะมีการรวมตัวเคลื่อนไหวคัดค้าน ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม ขณะที่ทางกองบังคับการตำรวจภูธรจ.สงขลาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนเตรียมพร้อมตลอด24ชั่วโมงตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายนสามารถออกปฏิบัติหน้าที่ได้ภายใน1 ชั่วโมงเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์การชุมนุมทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่

 

นิติราษฎร์นัดแถลงค้านนิรโทษสุดซอย


              นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ หัวหน้าภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกลุ่มนิติราษฎร์ กล่าวว่า การแถลงข่าวของกลุ่มวันนี้ ที่คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จะวิจารณ์ตัวร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา 3 เป็นหลัก ว่ามีปัญหาทางกฎหมายอย่างไร และไม่ถูกต้องอย่างไร โดยจะบอกถึงทางแก้ไขในทัศนะของกลุ่มนิติราษฎร์ร่วมด้วย ส่วนปัญหาที่ตามมาจะร้ายแรงหรือไม่นั้น มองว่าเป็นประเด็นในเรื่องของการบังคับการประชุมสภา แต่หากผ่านไปได้ จะมีปัญหาในเรื่องผลบังคับใช้ที่จะยุ่งเหยิงอย่างมาก

 

ภาคเอกชนประสานเสียงเร่งยุติปัญหาการเมือง

 

             ขณะที่เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกิตติมศักดิ์ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัญหาการเมืองจากความขัดแย้งในการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หากไม่ยุติโดยเร็ว เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างแน่นอน ภายใต้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่มีแต่ปัจจัยลบยังต้องมาเผชิญกับประเด็นปัญหาทางการเมือง

             นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ขณะนี้ธุรกิจท่องเที่ยวกำลังติดตามท่าทีในการชุมนุม รวมถึงมาตรการเตรียมรับมือจากรัฐบาล โดยภาคธุรกิจต่างมีความกังวลในเรื่องการเมือง เพราะถือเป็นปัจจัยเสี่ยงเพียงเรื่องเดียวที่จะทำให้ธุรกิจในช่วงไฮซีซันไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งๆ เดิมประเมินว่าในช่วง 3 เดือนสุดท้ายปีนี้การท่องเที่ยวจะเติบโตกว่า 20%

             ทั้งนี้ ภาคธุรกิจต้องการให้ทุกฝ่าย ไม่สร้างเงื่อนไขทำให้เกิดความรุนแรง เพราะพฤติกรรมนักท่องเที่ยวปัจจุบันมีความเข้าใจเรื่องการชุมนุมมากขึ้น แต่ยอมรับว่า หากการชุมนุมขยายวงกว้างขึ้น อาจจะกระทบในเชิงจิตวิทยาบ้างในตลาดที่มีความอ่อนไหวสูงอย่างประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออก นำโดย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยเดินทางอย่างมาก

             "น่ากังวลอย่างมากคือ ความรุนแรงในช่วงนี้จะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจจองล่วงหน้าสำหรับต้นปีหน้าและทำให้เสียโอกาสช่วงไฮซีซันที่เหลือ"

 

ขอรัฐถอยเหลือ"ครึ่งซอย"เพื่อชาติ


             นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการกลุ่มโรงพยาบาลธนบุรี กล่าวว่า การเมืองคุกรุ่นย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ที่มองว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงทางการเมือง (Political Risk) เนื่องจากปัญหาการชุมนุมทางการเมืองเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทั้งในแง่ของนักลงทุน และเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยธุรกิจที่น่าจะได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรกคือ ธุรกิจบริการ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงพยาบาล ท่องเที่ยว หรือ โรงแรม

             อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องจับตา คือ ม็อบจะจุดติดหรือไม่ หากม็อบจุดติด เชื่อว่า รัฐบาลอาจจะยอมถอยในการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แบบสุดซอย โดยเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์กำลังอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์

             "ผมเห็นว่า ไม่ควรผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แบบสุดซอย ควรจะยอมมาที่ครึ่งซอย เพื่อประเทศชาติ โดยดูกระแสสังคมเป็นหลัก เพื่อทำให้บ้านสงบเรียบร้อย การนิรโทษกรรม แบบ Set Zero ล้างไพ่นับหนึ่งใหม่ ผมว่าเป็นไปได้ยาก การที่จะนำอดีตนายกฯทักษิณ (ชินวัตร) กลับบ้าน และคืนเงินให้อันนี้บางคนอาจจะรับได้ แต่จะให้หมายรวมถึงคดีที่ผ่านการพิจารณาของศาลไปแล้ว ผมว่าสังคมไม่น่าจะเห็นด้วย" นพ.บุญ กล่าว


ผวาการเมืองเดือดฉุดลงทุน


             นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีจี กล่าวว่า จากปัญหาด้านการเมืองที่เกิดขึ้นมองว่า ประเด็นการเมืองเป็นเรื่องที่นักธุรกิจมีความกังวลและอยากให้การเมืองไทยอยู่ในภาวะสงบนิ่ง ซึ่งไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น เพราะจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของคนทั้งประเทศ รวมไปถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามเอสซีจี เชื่อว่าพร้อมที่จะรับมือกับปัญหาทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นหากไม่รุนแรงจนเกินไป และอยากให้สถานการณ์ยุติลงโดยเร็ว

             นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า มีความกังวลกับปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เพราะจะส่งผลกระทบในภาพรวมทั้งประเทศ เริ่มต้นจากภาคการท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านๆ มาเมื่อไทยเกิดปัญหาการเมืองขึ้น ภาคการท่องเที่ยวจะชะลอตัวลงอย่างมาก หลังจากนั้นในส่วนของภาคการลงทุนและอุตสาหกรรมผลกระทบค่อยตามมา โดยเฉพาะในแง่ความเชื่อมั่นของทางนักลงทุนต่างชาติ จึงอยากให้ปัญหาต่างๆ ยุติโดยเร็ว ไม่อยากให้เกิดความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้นอีก

             "ตอนนี้บรรยากาศของการลงทุนในไทยถือว่าดีมาก อย่างตอนนี้นักลงทุนญี่ปุ่นก็ย้ายฐานการลงทุนมา หากครั้งนี้มีปัญหาการเมืองอีก ก็เกรงว่านักลงทุนจะย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นๆ ที่มีความมั่นคงทางการเมืองมากกว่า เช่น เวียดนาม หรือ อินโดนีเซีย ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูงเพราะจากครั้งก่อนเท่าที่เคยคุยกับกลุ่มนักธุรกิจญี่ปุ่นเองเขาก็ระบุเช่นนั้น”


"สหพัฒน์"แนะรัฐลาออก


             นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มีความเป็นห่วงบ้านเมือง หลังจากรัฐบาลเดินหน้าพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และอาจเกิดความรุนแรงเหมือนปี 2553 เพราะเชื่อว่ามีประชาชนหลายภาคส่วนไม่เห็นด้วยกับกรณีดังกล่าว เนื่องจากจะเป็นการล้างความผิดให้กับผู้ที่ทำผิดและเผาบ้านเผาเมืองในปี 2553

             ทั้งนี้ หากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น ก็จะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไทยให้ถดถอยเหมือนช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมีความกังวล ไม่ออกมาจับจ่ายใช้สอย ซื้อสินค้าไปตุนไว้ที่บ้านเพื่อดูแลบ้านและทรัพย์สินตนเองเป็นหลัก ทำให้ช่วง 3-4 เดือน ยอดขายสินค้าต่างๆ หดตัวลงมาก จึงต้องการให้รัฐบาลถอยออกมา เพื่อบรรเทาความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

             "เชื่อว่ามีเพียงคนส่วนน้อยที่เห็นด้วยกับพ.ร.บ.นิรโทษกรรม หากรัฐบาลไม่ถอย อาจก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้น และกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไทยได้ ผมจึงต้องการให้รัฐบาลถอย และถ้าทำงานอย่างนี้ลาออกมาเถอะ ไม่ใช่การยุบสภา เพราะตลอดระยะเวลา 2 ปีที่บริหารประเทศไม่ได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจเท่าที่ควร"นายบุญชัย กล่าว

             ด้าน นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า ไม่อยากให้เกิดความรุนแรงทางการเมืองจากการชุมนุมประท้วง เพราะในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยมาก จนกลายเป็นความซ้ำซาก จึงต้องการให้ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบยุติปัญหาโดยเร็ว


กลุ่มอสังหาฯหวังไม่รุนแรง


             นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองเริ่มมีสัญญาณลบในขณะนี้ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมากนัก หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรง และการชุมนุมเป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตย แต่หากมีการใช้ความรุนแรงเหมือนเช่นในอดีต จะส่งผลกระทบอย่างแน่นอน ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อออกไปชั่วคราว รอจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

             ด้านนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความเห็นขัดแย้งทางการเมืองเป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องมายาวนานแล้ว ดังนั้น จึงคิดว่าจะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น แต่ในแง่ผลกระทบ อาจมีบ้างในเรื่องของความเชื่อมั่นผู้บริโภค แต่คงไม่มากนัก เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ผู้บริโภคเริ่มชินแล้ว ซึ่งคิดว่าสิ่งที่ผู้บริโภคกังวลมากกว่า คือเรื่องของภาวะเศรษฐกิจ รายได้ และความเป็นอยู่

แต่ในแง่ผู้ประกอบการ ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า การเมืองเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงทางด้านธุรกิจ บริษัทคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ เพื่อเตรียมพร้อมรองรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น


ตลาดหุ้นผวารุนแรงดัชนีทรุด 24 จุด


             ตลาดหุ้นวานนี้ (30 ต.ค.) ดัชนีปรับลดลงแรงสวนตลาดในภูมิภาค จากความกังวลสถานการณ์การเมืองในประเทศ หลังจะมีการนำพ.ร.บ. นิรโทษกรรม เข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 ในสภาฯ ในวันที่ 31 ต.ค.โดยปิดตลาดที่ระดับ 1,431.12 ลดลง 24.74 จุด หรือ 1.70% มูลค่าการซื้อขาย 40,857.49 ล้านบาท

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงแรง สวนตลาดอื่นในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับขึ้น เป็นผลมาจากความกังวลสถานการณ์การเมืองในประเทศที่เป็นเริ่มร้อนแรง เนื่องจากในวันที่ 31 ต.ค.จะมีการพิจารณาพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทำให้มีกระแสการต่อต้านแรงขึ้น นักลงทุนห่วงว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงจึงเกิดแรงเทขายออกมา

             นักลงทุนห่วงว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น การชุมนุมคัดค้านก็เริ่มมีหลายกลุ่มมากขึ้น ซึ่งคาดการณ์ได้ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้น ”

             สอดคล้องกับ นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ทำให้ตลาดหุ้นไทยแกว่งในแดนลบสวนทางกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านส่วนใหญ่


ธปท.เกาะติดใกล้ชิดหวั่นกระทบศก.


             ด้าน นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า สำหรับภาวการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่มีแนวโน้มจะนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองในรอบต่อไปนั้น ธปท.มองว่า เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม โดยในช่วงเช้านั้นค่าเงินบาทยังทรงตัว ส่วนตลาดหุ้นนั้นมีการปรับตัวลดไปบ้าง

             “สถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองนั้น ยังเป็นเรื่องที่ ธปท.ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยผลกระทบกับค่าเงินบาทในช่วงเช้ายังอยู่ในระดับที่ทรงตัว ส่วนตลาดหุ้นนั้นมีการปรับตัวลงไปบ้าง ส่วนผลภาคเศรษฐกิจจริงนั้น อาจจะมีผลบ้าง ต้องติดตาม”

             ด้านการเคลื่อนไหวเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐวานนี้ยังคงทรงๆ ตัว ใกล้เคียงกับเมื่อวันก่อน มาปิดตลาดที่ 31.06-31.08 บาทต่อดอลลาร์ โดยการเมืองในประเทศมีผลต่อค่าเงินบาทน้อย


นักวิชาการห่วงการเมืองฉุดศก.ต่ำ 3.5%


             นายสมประวิณ มันประเสริฐ รองคณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองหากมีความรุนแรงขึ้น ก็คงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงนี้การเมืองกับเศรษฐกิจมีความเชื่อมโยงกันมากขึ้นด้วย

             “เท่าที่ได้เคยทำการศึกษามาพบว่า ปัญหาการเมืองหากมีความรุนแรง เช่น เดินขบวน ปฏิวัติ จนถึงขั้นเปลี่ยนแปลงรัฐบาลอาจกระทบต่อ จีดีพี ไทยประมาณ 0.5% ส่วนในกรณีที่ไม่รุนแรงนัก เช่น การยุบสภา เปลี่ยนรัฐบาลเลือกตั้งใหม่ กรณีนี้อาจกระทบต่อ จีดีพี ประมาณ 0.2% แม้ตัวเลขผลกระทบจะไม่สูง แต่เวลานี้ การลดลง 0.2-0.5% ก็ถือว่ามากแล้ว” นายสมประวิณ กล่าว

             เขากล่าวว่า ในสถานการณ์ปกติ การเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ระดับ 3.5% ก็เป็นเรื่องที่ยากแล้ว ดังนั้นหากการเมืองกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้คงเติบโตไม่ถึง 3.5% อย่างแน่นอน เพราะทำให้ความเชื่อมั่นที่มีต่อการลงทุนและการบริโภคต้องชะงักลง



มท.2 ย้ำหลักการต้องเดินหน้าร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้สุดซอย
    
          นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เป่านกหวีดเชิญชวนประชาชนมาชุมนุมเพื่อต่อต้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า พรรคประชาธิปัตย์พยายามจะเป่านกหวีดเรียกมวลชนโดยบอกว่า การนิรโทษกรรมนี้มีการคืนเงิน แต่ประชาชนเริ่มเข้าใจแล้ว เพราะที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้ทำความเข้าใจในส่วนนี้ไปบ้างแล้ว แต่พรรคประชาธิปัตย์พยายามจัดตั้งมา ซึ่งมีคนเริ่มทยอยมาจากภาคอีสานแล้วแต่ทราบว่าติดอยู่ที่จ.นครราชสีมา ทั้งนี้ เราใช้เครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยประสานให้ประชาชนเข้าใจ ดังนั้นสถานการณ์ไม่น่าจะมีอะไรรุนแรง รัฐบาลน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้
    
          ส่วนกระแสข่าวว่าอาจจะมีการถอยการพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมไม่ให้เดินหน้าจนสุดซอยนั้น นายประชากล่าวว่า ตรงนี้ต้องพิจารณาให้รอบด้าน วิเคราะห์สถานการณ์ตลอด ถ้ามีเหตุผลเพียงพอก็สามารถทบทวนได้ แต่หลักการที่เราตั้งไว้คือเดินให้สุดซอย ดังนั้นคิดว่าเปอร์เซ็นต์ที่จะไปจนถึงสุดซอยยังมีสูงอยู่

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ