Lifestyle

วังน้ำเขียวแค่ตัวอย่างหนึ่ง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วังน้ำเขียวแค่ตัวอย่างหนึ่ง:รู้มาเล่าไป โดย... ดลมนัส กาเจ

          กรณีที่ ท่านระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ระบุว่า โลกของความเป็นจริงของสภาพพื้นที่วังน้ำเขียว ที่มีนายทุน นักการเมือง และผู้มีอิทธิพล อยู่เบื้องหลังในการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และรู้ว่าใครเป็นตัวเอ้ และใครเป็นแค่ตาสีตาสานั้น ก็เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างเท่านั้นที่เจ้าหน้าที่ของรัฐระดับท้องถิ่นไม่กล้าแตะ
 
          ในโลกแห่งความเป็นจริงตามนัยของผู้ว่าฯ โคราชพูดมานั้น ยังมีอีกมากมายเหลือเกินครับ ที่มีนายทุน นักการทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ตลอดจนผู้มีอิทธิพล อยู่เบื้องหลังในการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับท้องถิ่นคงทำรายงานถึงหน่วยเหนือที่รับผิดชอบแล้ว แต่ผู้อำนาจอย่างแท้จริงทำเมินเสีย ชนิดที่ชาวบ้านเรียกว่า เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ เพราะสาวถึงรากแก่นแล้ว ล้วนแต่พวกพ้อง
 
          อย่างกรณีของวังน้ำเขียวนั้น ส่วนหนึ่งไม่ใช่ทั้งหมดครับ สงสารผู้ที่เป็นเจ้าของคนล่าสุด บางคนอุตส่าห์เก็บเงินทั้งชีวิตไปซื้อที่เพื่อทำกิน สุดท้ายกำลังจะถูกดำเนินคดี แต่คนที่เป็นต้นตอของการบุกรุกอย่างแท้จริงกลับลอยนวล และเสวยสุขกับผลกำไรจากการปั้นราคาในยุคต้นๆ โดยที่ไม่ถูกดำเนินคดี ทั้งๆ ที่หน่วยงานรัฐก็รู้ดี
 
          ยังมีการบุกรุกป่าสงวนอีกหลายร้อยหลายพันแห่ง ที่หน่วยงานรัฐไม่ยอมดำเนินการใดๆ ทั้งที่เชื่อว่าหน่วยงานรัฐรู้ดี ไม่ยอมจัดการกับคนบุกรุก และไม่ยอมดำเนินเกี่ยวกับการเอกสารสิทธิให้ถูก ทั้งๆ ที่ชาวบ้านทำกินมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
 
          ไม่ต้องไปดูที่อื่นไกลครับ ตัวอย่างจะจะ เห็นกันมาสิบๆ ปีแล้วคือ พื้นที่ใน อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ วันนี้หากใครไปที่ อ.น้ำหนาว จะเห็นว่าหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างที่เคยเห็นเมื่อครั้งเก่าก่อน ก็มีการเปลี่ยนไปหมดแล้ว เป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เจริญขึ้น โดยเฉพาะเกี่ยวเส้นทางการคมนาคม ที่จะอำนวยต่อการเดินทางและการท่องเที่ยวในพื้นที่ อาทิ เส้นที่เชื่อมไปยังอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย โน่น
 
          พื้นที่ของน้ำหนาวแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ฝั่งหนึ่งที่มีผืนป่าอุดมสมบูรณ์ อยู่ภายใต้การดูแลของอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว อีกส่วนหนึ่งเป็นสภาพพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ส่วนนี้ยังเป็นป่าสงวนแห่งชาติ แต่สภาพป่าไม่มีแล้ว เพราะถูกชาวบ้านยึดเป็นที่ทำกินมาเนินนานหลายทศวรรษแล้ว
 
          เชื่อไหมครับว่า พื้นที่ อ.น้ำหนาว ที่ชาวบ้านยึดเป็นที่ทำกิน หรือสร้างบ้านพัก รีสอร์ท เจ้าของพื้นที่เหล่านี้ ซึ่งเป็นประชากรที่อยู่ภายในการปกครองของ อ.น้ำหนาว อยู่ในภาวะคนกระทำผิดกฎหมายบ้านเมืองทุกคน ทุกครัวเรือน ฐานบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ 
 
          เพราะที่นั่นไม่มีเอกสารสิทธิใดๆ ทั้งอำเภอ รวมถึงที่ว่าการอำเภอ สถานีตำรวจภูธร สำนักงานเกษตรอำเภอ โรงเรียน และสถานที่อื่นๆ ต่างอยู่ในภาวะผู้บุกรุกป่าสงวนทั้งนั้นครับ
 
          ก็งงเหมือนกันครับว่า ทำไหมกรมป่าไม้ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ไม่ดำเนินการใดๆ หากปล่อยไปเชื่อว่า อีกไม่นานที่ทำกินของชาวบ้านจะตกอยู่ในมือนายทุนที่ไม่แตกต่างไปจากวังน้ำเขียวนั่นเอง
 
          ที่สำคัญ หากปล่อยไปยากต่อการที่จะจัดการ เพราะหากจะดำเนินคดีกับนายทุนผู้บุกรุก ต้องดำเนินการกับสถานที่ราชการด้วย เพราะอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันครับ

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ