ฉก.ทส. ลุยแหลก "ไร่รักษ์ฟ้า" จับโป๊ะรีสอร์ทหรูรุกป่าเอราวัณ | คมชัดลึก

21 พ.ย. 2568 ชุดเฉพาะกิจกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ฉก.ทส.) นำโดย พล.ต.ต.นันทชาติ ศุลมงคล ที่ปรึกษา รมว.ทส. ในฐานะหัวหน้าชุด พร้อมด้วย นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร นายเทวินทร์ มีทรัพย์ และ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ เจ้าหน้าที่อำเภอศรีสวัสดิ์ ตำรวจ สภ.ศรีสวัสดิ์ เข้าตรวจสอบ ไร่รักษ์ฟ้า รีสอร์ทชื่อดัง ที่มีวิวหลักล้าน จ.กาญจนบุรี 

 

หลังได้รับเบาะแสจาก นายพิพัฒน์ ฉิมพลี หัวหน้าอุทยานฯ เอราวัณคนใหม่ ว่าพื้นที่แห่งนี้มีปัญหาบุกรุกป่าอย่างชัดเจน

 

ย้อนรอยความผิด : ที่ดินแปลงนี้เดิมก่อนปี 2557 เป็นสิทธิ์ทำกินของชาวบ้าน (นางนวลมณี) ปลูกข้าวโพด ต่อมาทำเป็นลานกางเต็นท์ แต่ในปี 2558 เมื่อมี "นายทุน" เข้ามาซื้อขายเปลี่ยนมือจากชาวบ้านรายเดิมในราคา 2.5 ล้านบาท ซึ่งตามกฎหมายที่ดินทำกินของราษฎรในพื้นที่ป่า ห้ามจำหน่ายจ่ายโอน ความจริงจากการวัดพื้นที่กินถึง 12 ไร่ (จากเดิมการซื้อขายเข้าใจว่า 8 ไร่) แถมยังมีการรุกล้ำขยายพื้นที่บวม เข้าไปในเขตกรมอุทยานแห่งชาติอีกกว่า 2 ไร่ 2 งาน 14 ตารางวา

​

 

ความผิดนี้ถูกจับได้ตั้งแต่ปี 2562 ช่วงที่รัฐบาลให้กรมอุทยานฯ สำรวจที่ดินตามมาตรา 64 เจ้าหน้าที่พบความผิดปกติ มีการมอบอำนาจให้เจ้าของรายแรกมาชี้รังวัด ทั้งที่มีหลักฐาน "ใบซื้อขาย" ชัดเจน ซึ่งเท่ากับเป็นการทำผิด พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ และ พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ทันที

 

แม้ปี 2565 คณะทำงานจะเข้าตรวจสอบและ แจ้งเตือนไปถึง 2 ครั้ง แต่จนกระทั่งปี 2568 ที่ดินนี้ก็ยังถูกสร้างเป็นรีสอร์ทหรูชื่อไร่รักษ์ฟ้า โดยมี นายวราวุธ (สงวนนามสกุล) เป็นเจ้าของ มีการโพสต์เปิดบริการรับนักท่องเที่ยว จองและจ่ายค่าที่พักเข้าบัญชีธนาคารชื่อนายวราวุธอย่างเปิดเผย โดยที่ไม่มีการขออนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ไม่ขออนุญาตก่อสร้าง และไม่เสียภาษีให้รัฐ เลยแม้แต่น้อย

 

​พล.ต.ต.นันทชาติ ระบุว่า จากการลงพื้นที่พบ สิ่งปลูกสร้างถึง 43 รายการ และที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตักเตือนและเปรียบเทียบปรับแล้ว แต่ดูเหมือนทางรีสอร์ทจะ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย และคิดว่า "แค่ปรับก็จบ" วันนี้จึงต้องลงมือทำตามกฎหมายให้ดู

 

​มาตรการขั้นเด็ดขาดที่จะตามมา หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะติดประกาศ ม.20 ห้ามใช้ประโยชน์จากที่ดิน ใครเข้ามาใช้บริการ ปรับ 2 หมื่นบาท ส่วนนักท่องเที่ยวที่จองแล้วให้ทวงเงินคืนจากบัญชีต้นทาง จากนั้นจะติดป้ายรื้อถอน ม.35 (1)(2) หากศาลไม่คุ้มครอง ต้องรื้อถอนภายใน 30 วัน หากฝ่าฝืนจะแจ้งความเพิ่ม พร้อมใช้กฎหมาย ปปง. ยึดทรัพย์ เพราะคดีนี้มีหลักฐาน ใบซื้อขาย ที่ผิดกฎหมายชัดเจน มั่นใจทีมงานทำงานรอบคอบด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ใครก็ปฏิเสธไม่ได้

 

พล.ต.น.นันทชาติ ย้ำที่ตรงนี้ไม่สามารถเปลี่ยนมือเป็นของคนอื่นได้ เป็นพื้นที่ที่ราชการให้ราษฎรอยู่ทำกินไปชั่วลูกชั่วหลาน ซึ่งนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯและรมว.ทส. ฝากบอกว่า พี่น้องประชาชนราษฎรที่อยู่กันในพื้นที่ป่าไม้นั้น อยู่ได้อย่างปกติสุข ไม่มีปัญหา เพราะทางราชการให้ราษฎรอยู่ แต่ต้องไม่จำหน่ายจ่ายโอน 

 

นอกจากนี้ รมว.ทส. ยังได้ฝากถึงหัวหน้าอุทยานแห่งชาติฯทั่วประเทศ ขอให้สำรวจพื้นที่ของตัวเองว่าเกิดกรณีเช่นนี้หรือไม่ หากติดขัดหรือมีอิทธิพลมืดเข้ามาเกี่ยวข้อง ขอให้แจ้งไปยัง รมว.ทส. จะส่งชุด ฉก.ทส. ลงไปช่วยทันที ขออย่าหวั่น 

 

"ที่ดินแห่งนี้เป็นของแผ่นดิน เป็นของทางราชการ เป็นของประชาชนทุกๆคน คนใดคนหนึ่งจะมายึดถือครอบครองไม่ได้ ไม่ยอมเด็ดขาด ตราบใดที่ยังเป็น รมว.ทส. จะไม่ให้ราคาคนทำผิดกฎหมาย และคนอย่างรองนายกฯ สุชาติ พร้อมรับมือ ผู้มีอิทธิพล ที่เอาป่าไม้ อุทยานมาเป็นของส่วนตัวแบบผิดกฎหมาย ขอให้อย่ามาลองของกับผม ท่านสุชาติกำชับมา" 

 

​พล.ต.ต.นันทชาติ ยืนยันว่า เคสนี้เป็นเคสแรกที่หัวหน้าอุทยานฯ แจ้งเข้ามาและชุดเฉพาะกิจก็มาร่วมทำงาน ยืนยันว่า ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร แต่ "คุณผิดจริง ต้องยอมรับ" และเจ้าของรีสอร์ทก็ ไม่ใช่ผู้หลักผู้ใหญ่หรือนักการเมือง ตามข่าวลือแน่นอน หลังจากนี้หากรื้อถอนเสร็จ จะคืนพื้นที่ให้กรมอุทยานฯ ไปปรับปรุง โดยพล.ต.ต.นันทชาติได้กล่าวทิ้งท้ายอย่างหนักแน่นว่า  "ผมทวงคืนที่นี้ให้กับแผ่นดินครับ ท่านรัฐมนตรีมอบหมายภารกิจนี้มาเลย"

​

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างลงพื้นที่มีลูกจ้างของบริษัทเข้ามาแสดงตน โดยระบุว่า นายจ้างไม่ได้เป็นคนในพื้นที่ นานๆทีจะเดินทางมารีสอร์ท ซึ่งตนทำงานที่แห่งนี้มาประมาณ 2 ปี และมีพื้นที่ขนาดนี้ ไม่ทราบว่าเป็นพื้นที่บุกรุก ตนเป็นเพียงลูกจ้างเท่านั้น