
เจ้าของร้าน เฉลยแล้วจ่ายคนละครึ่งแพงกว่าจ่ายสด 7 % เพราะสิ่งนี้
เจ้าของร้านเครื่องสำอางค์ แจงดราม่า ลูกค้าซื้อของใช้สิทธิคนละครึ่งแพงกว่าจ่ายสด 7 % วอบหน่วยงานรัฐประชาสัมพันธ์ประชาชนให้เข้าใจ
3 พ.ย. 2568 กรณี น.ส.ส้ม (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี และ นางบี (นามสมมุติ) อายุ 49 ปี แม่น้องส้ม ร้องสื่อว่าอยากให้ตรวจสอบร้านขายเครื่องสำอางแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดบุรีรัมย์ คิดราคาสินค้าเพิ่มอีก 7 เปอร์เซ็นต์จากราคาป้าย
น.ส.ส้ม เล่าว่า ตอนแรกซื้อเครื่องสำอางด้วยการใช้เงินสดซื้อจำนวนเงิน 100 บาท บิลออกมา 100 บาท จากนั้นจึงอยากลองใช้คนละครึ่งในวงเงิน 400 บาทต่อวัน เลือกซื้อสินค้า 3 รายการ มีราคา 149 บาท,179 บาท และ 38 บาท รวมกันจะได้ 366 บาท แต่บิลที่ออกมาเป็น 391.62 บาท เมื่อเอามาคิดแล้วราคาสินค้าเพิ่มอีก 7 เปอร์เซ็นต์ ดูแล้วเหมือนเอารัดเอาเปรียบลูกค้า ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เจ้าของร้านขายเครื่องสำอาง ที่ถูกกล่าวหาออกมายอมรับว่า มีการปรับราคาสินค้าขึ้น 7 เปอร์เซ็นต์จริง สาเหตุเพราะตนยื่นเสียภาษีแบบ VAT คือ ต้องคืนภาษี 7 เปอร์เซ็นต์ให้กับกรมสรรพากรทุกเดือนต่างจากร้านอื่นที่อาจจะเสียภาษีแบบเหมาจ่าย ส่วนที่ต้องคิดเพิ่มกับโครงการคนละครึ่ง เพราะมียอดขายเพิ่มขึ้น สินค้าที่ซื้อมาจะต้องลดราคาแข่งกับร้านอื่น ดังนั้นจึงต้องปรับ VAT อยู่ในระบบเก็บเงินทำให้บิลออกมาเพิ่มอีก 7 เปอร์เซ็นต์
โดยตนจะเขียนป้ายระบุข้อความชัดเจนว่า ต้องจ่ายภาษีให้กับรัฐ ลูกค้าที่เข้าใจก็ไม่ว่า ส่วนลูกค้าที่ไม่เข้าใจ ตนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เพราะกฎหมายภาษีมันละเอียดอ่อน ทั้งนี้พร้อมให้สรรพกรเข้าตรวจสอบ จึงอยากจะฝากถึงหน่วยงานเกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงภาษีให้มากกว่านี้ เพราะแม้แต่ผู้ประกอบการยังเข้าใจไม่หมด



