ข่าว

เปิดมาตรการโค่นสแกมเมอร์ได้ใน 72 ชั่วโมง ฟื้นความมั่นคงการเงินชาติ

เปิดมาตรการโค่นสแกมเมอร์ได้ใน 72 ชั่วโมง ฟื้นความมั่นคงการเงินชาติ

30 ต.ค. 2568

อดีต ก.ต.ช. ชูยุค "บิ๊กต่าย" กอบกู้ศรัทธาตำรวจ โชว์ผลงานปราบสแกมเมอร์ อายัดเงินเทาพุ่งกว่ายุคก่อน พร้อมชงมาตรการ "โค่นจริง 72 ชั่วโมง" ฟื้นความมั่นคงการเงินชาติ

30 ต.ค. 2568 ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา อดีตกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ผู้ก่อตั้งสำนักวิจัยซูเปอร์โพลและศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ วอชิงตัน ดีซีด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ที่ปรึกษาโครงการ Stronger Together สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการดำเนินการปราบปราม อายัดเงินสีเทาจากปัญหาการหลอกลวงของสแกมเมอร์ในประเทศไทยว่า เดิมเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2565 การอายัดบัญชีของกลุ่มสแกมเมอร์ เป็นไปด้วยความยากลำบาก โอกาสที่จะอายัดเงินในบัญชีได้สำเร็จน้อยกว่าร้อยละ 5  แต่ปัจจุบันในยุคของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ซึ่งเคยเป็นผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ในช่วงปี พ.ศ. 2566 - 2567 

ล่าสุดในยุคการทำงานของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ มีการสั่งการปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์อย่างจริงจังต่อเนื่อง ภายใต้ความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ สถานีตำรวจต่าง ๆ สำนักงาน ป.ป.ง. และอื่น ๆ เป็นต้น

 

ผลที่ตามมาคือสามารถอายัดเงินในบัญชีขบวนการสแกมเมอร์ได้ร่วมร้อยละ 50 และบางรายอายัดเงินได้เกือบร้อยละ 100 แต่ยังต้องการมาตรการเพิ่มเติมบางอย่าง วันนี้หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศไทยสามารถจับตัวใหญ่ของขบวนการสแกมเมอร์ได้สำเร็จหลายราย ปัญหาที่ยังคงมีอยู่ คือ ประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อเดือดร้อนซ้ำซากจากเงินที่ต้องใช้จ่ายในการติดตามคดีและการคืนเงินให้เหยื่อใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปี เงินมหาศาลปะปนจากหลายฐานความผิด

 

"ผมจึงได้ทำ (ร่าง) แผนปฏิบัติการเร่งด่วนมาตรการโค่นจริงสแกมเมอร์ เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นศรัทธาในหมู่ประชาชนทั้งไทยและต่างชาติว่า ประเทศไทยเอาจริงกับการปราบสแกมเมอร์อย่างถอนรากถอนโคน"
 

ด้วยข้อเสนอเชิงนโยบายสาธารณะ มาตรการ และภารกิจของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ดังต่อไปนี้ เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ 1.คืนความเชื่อมั่นให้ประชาชน ว่ารัฐบาลเดินหน้าอย่างจริงจังกับการปราบสแกมเมอร์ 2.ทำให้การคืนเงินเป็นระบบ ไม่ใช่เรื่องของโชคหรือความบังเอิญ และ 3.
ตีวงล้อมขบวนการสแกมเมอร์ทั้งระบบ ตั้งแต่หน้าบ้านถึงเครือข่ายเบื้องหลัง


ข้อเท็จจริง ปัญหาคดีออนไลน์จากสแกมเมอร์ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 ถึงกันยายน 2568 รวมทั้งสิ้น 1,058,056 คดี รวมความเสียหาย 100,408,016,872 บาท หรือ กว่าแสนล้านบาท ปัญหาไม่ได้อยู่แค่จับคนร้าย แต่มันคือปัญหาเชิงระบบ ที่กระทบต่อความน่าเชื่อถือของภาครัฐ ทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเงินของชาติและระบบเศรษฐกิจของประเทศสั่นคลอนอย่างรุนแรง เพราะแม้ว่าวันนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จะมีผลงานโดดเด่นมากกว่าอดีต ทำให้เจ้าหน้าที่อายัดเงินได้ทันเป็นหลักหมื่นล้านบาท แต่ขั้นตอนการคืนเงินให้เหยื่อ ยังล่าช้าและไม่ทั่วถึง เพราะมีการปะปนของเงินจากฐานความผิดหลายประเภท เช่น ยาเสพติด การพนันออนไลน์ ค้ามนุษย์ และสแกมออนไลน์


ดังนั้นแนวคิดปราบปรามสแกมเมอร์โค่นได้จริงต้องโฟกัสที่เงินทุกบาทที่อาชญากรยึดไป รัฐบาลจะเอาคืนให้ประชาชนให้มากที่สุดและเร็วที่สุดเราจะทำให้การคืนเงินเป็นเรื่องระบบไม่ใช่ โชคหรือ เรื่องบังเอิญเราจะเอาผิดทั้งตัวบงการ บัญชีม้า ซิมม้า และผู้สนับสนุนทุกระดับ ด้วยยุทธการบังคับใช้กฎหมายใหม่


โดยมาตรการเร่งด่วน โค่นสแกมเมอร์ได้จริง“ภายใน 72 ชั่วโมง” สามารถพิสูจน์ที่มาของเงิน (Source of Funds Triage) จำแนกกองเงิน 5ประเภท คือ สแกม / ค้ามนุษย์ / พนัน / ยาเสพติด/ อื่น ๆ ที่เป็นเงินปะปนจากหลายฐานความผิด และประกาศคำสั่งอายัดฉุกเฉิน เชื่อมระบบ “ตำรวจ–ปปง.–ธนาคารพาณิชย์” ให้สั่งอายัดเงินอัตโนมัติภายใน 72 ชม. โดยมีพอร์ทัล เคลมกลางหลายภาษาให้เหยื่อ (Victim Claim Portal) ยื่นขอคืนเงินได้ออนไลน์ (ไทย–จีน–อังกฤษ) พร้อมทีมทนายข้ามพรมแดนติดตามเงินคืนจากประเทศต้นทาง และเทคโนโลยี OCR/AI ตรวจสิทธิอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีอ่านข้อความจากภาพและเอกสารสแกนเพื่อย่นระยะเวลาคืนเงินและการจัดตั้งกองทุน Victim Care Fund เยียวยาชั่วคราวก่อนคืนเงินจริง

 

ตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPI) ได้แก่  อายัดเงินไม่น้อยกว่า 70% ของยอดเสียได้ภายใน 72 ชม. คืนเงินไม่น้อยกว่า 50% ภายใน 30 วัน ปิดบัญชีม้า/ซิมม้าไม่น้อยกว่า 2,000 รายการต่อเดือน ปิดเครือข่ายสแกมระดับใหญ่ไม่น้อยกว่า 5 เครือข่ายต่อไตรมาส และ ความเชื่อมั่นของประชาชนเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 15 จุดใน 120 วัน ผลที่ตามมาคือ ความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนคนไทยและต่างชาติ ความแข็งแกร่งมั่นคงทางการเงินของประเทศไทยจะกลับคืนมาสู่ความเป็นผู้นำทางการเงินยุคดิจิทัลของภูมิภาคได้

 

ทั้งนี้ข้อเสนอปรับปรุงกฎหมาย โดยมุ่งเน้นไปที่ การเพิ่มโทษ Aggravated Offence กรณีใช้บัญชีม้า ซิมม้า Deepfake หรือมุ่งเป้าเหยื่อเปราะบางสามารถเอาผิดผู้สนับสนุน คนขายบัญชีม้า นายหน้า ผู้ดูแลระบบเพจม้า และปรับปรุง พ.ร.บ.ฟอกเงินโดยที่เปิดทางอายัดด่วน 72 ชม. ผลักภาระพิสูจน์ต่อผู้ครอบครองเงิน นอกจากนี้ปรับกฎหมายโดยประยุกต์ใช้กรอบความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ NISTสหรัฐอเมริกา กฎหมาย GDPR ของยุโรปและมาตรฐาน ISO/IEC 27001 (มาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยสารสนเทศ) พร้อมกับอนุญาตให้หน่วยงานแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างปลอดภัยภายใต้ระบบ Audit Log

 

กฎหมายที่ปรับปรุงใหม่นี้จะเพิ่มโทษขบวนการสแกมเมอร์ที่มุ่งโจมตีกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ เด็ก เยาวชน คนยากจนผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มคนในพื้นที่ชายขอบ และกระทำกันเป็นขบวนการข้ามชาติที่มีเม็ดเงินผิดกฎหมายหมุนเวียนจำนวนมาก หากเราทำได้ตามแนวทางนี้ประเทศไทยจะก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางดิจิทัลที่ปลอดภัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก 

 

เปิดมาตรการโค่นสแกมเมอร์ได้ใน 72 ชั่วโมง ฟื้นความมั่นคงการเงินชาติ