
ปลุกคนไทยตื่น! เตือนภัยเงียบร้ายกว่าสแกมเมอร์ กำลังเข้ายึดประเทศทั้งระบบ
ผู้เชี่ยวชาญ เตือนภัยเงียบร้ายกง่าสแกมเมอร์ สงครามระดับประเทศกำลังยึดไทยผ่านระบบเศรษฐกิจและสถาบันหลักของชาติ ด้วยช่องโหว่เชิงระบบ พรางเส้นเงินง่าย
ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพล สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ ศิษย์เก่า Georgetown University ด้าน Cybersecurity & Policy และศิษย์เก่า University of Michigan-Ann Arbor ด้าน Data Science and Methodology เปิดเผยว่า วันนี้ปัญหาสแกมเมอร์เป็นเพียงปลายทาง เพราะสังคมไทยเผชิญภัยจาก สแกมเมอร์มาหลายระลอก จนดูเหมือนเป็นเรื่องปกติของยุคดิจิทัล แต่จากการวิเคราะห์ข้อมูลภาคสนาม การวิจัยเชิงลึก การทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ยืนยันได้ว่า ปัญหาที่แท้จริงใหญ่กว่าสแกมเมอร์มากนัก
จากการพิจารณาข้อมูลสถิติก่อนที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ มาเป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในยุคของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มูลค่าความเสียหายของพี่น้องประชาชนคนไทยที่ขบวนการมิจฉาชีพสแกมเมอร์มีรายได้ต่อวันคือ ประมาณ 180 ล้าน ถึง 200 ล้านบาท นี่คือรายได้ต่อวันของขบวนการสแกมเมอร์
มันคือ "องค์กร" (Organizations) ไม่ใช่แค่รวมกลุ่มปฏิบัติการเฉพาะกิจ แต่เมื่อมีการปฏิบัติการจริงจังต่อเนื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในยุค พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ที่มีกรารประชุมทุกเช้า มีโครงการวัคซีน Cyber Village ลงถึงทุกชุมชนทั่วประเทศ และล่าสุดในยุคที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ มีการกระชับความร่วมมือกับองค์กรภาคียิ่งขึ้น เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ กระทรวง DE ป.ป.ง. กระทรวงมหาดไทย สื่อมวลชนและอื่น ๆ ทำให้ตัวเลขความเสียหายของพี่น้องประชาชนมีมูลค่าลดลงเหลือประมาณ 60 – 80 ล้านบาทต่อวัน และด้วยการปฏิบัติการปิดไฟ ปิดเน็ต ให้ครบทุกจุด ย้ำว่าต้องทุกจุด จะทำให้กลุ่มสแกมเมอร์ทำงานยากขึ้น แต่กลุ่มสแกมเมอร์ยังมีศักยภาพสูง เพราะมันมีตัวร้ายที่ใหญ่กว่า สแกมเมอร์
มันคือ "โครงสร้างทุนเทาทั้งในประเทศและข้ามชาติ" ที่ซ่อนตัวอยู่หลังม่านดิจิทัลและแทรกซึมแฝงตัวไปทุกระดับชั้นของคนในสังคม ใช้ประเทศไทยเป็น "ประตูทองคำ" ในการทำลายล้างทั้งระบบและชีวิตระดับรากหญ้าของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ มีการฟอกเงินมหาศาลทั้งจากพม่า กัมพูชา ลาว และกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติอื่น ๆ เงินเหล่านี้ไม่ได้เพียงหมุนเวียนในตลาดมืด แต่กำลังไหลย้อนกลับมาครอบงำระบบเศรษฐกิจและสถาบันหลักของชาติ ที่ผลประโยชน์และเงินทะลุทะลวงไหลเข้าไปในทุกอะตอมของประเทศ
“ประเทศไทยไม่ได้เป็นเป้าหมายเพียงเพราะอยู่ใกล้พรมแดนพม่าและกัมพูชา แต่เพราะเรามีช่องโหว่เชิงระบบ ที่เอื้อต่อการพรางเส้นทางเงินผิดกฎหมาย ทั้งในเชิงกฎหมาย การกำกับดูแล และระบบดิจิทัลที่ยังไม่แข็งแรง"
ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยขณะนี้เห็นแนวโน้มที่ชัดเจนว่า แพลตฟอร์มดิจิทัลกำลังกลายเป็น "สมรภูมิใหม่" ของการฟอกเงินทุนเทา เช่น การใช้ระบบ สตรีมมิ่ง / การบริจาคออนไลน์เป็นท่อพรางเส้นทางเงิน
นอกจากนี้ ยังมีการสร้าง Marketplace ปลอม หมุนเงินเข้าออกด้วยยอดขายและรีฟันด์ การพนันออนไลน์ NFT (ปลอม) คลิกฟาร์ม เกม และระบบ P2P lending ถูกนำมาใช้เป็น "เครื่องซักฟอกเงินยุคใหม่" การเชื่อมกับระบบ crypto mixers ทำให้เงินสกปรก "หายตัว" ในไม่กี่นาที นี่คือโครงสร้างที่ไม่ต้องมีชายแดน ไม่ต้องมีหน้า ไม่ต้องมีบัญชีเดียว และยากกว่ามากในการตรวจสอบด้วยวิธีคิดแบบเดิม
ยิ่งไปกว่านั้น ทุนเทาทั้งไทยเทาและต่างชาติ ได้แปรสภาพทรัพย์สินสกปรกผ่านช่องทางพื้นฐานสามแบบในประเทศเรา และที่น่ากลัวยิ่งคือแนวโน้มที่ช่องทางเหล่านี้กำลังขยับเข้าสู่พื้นที่ออนไลน์อย่างรวดเร็ว
สแกมเมอร์วันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องแก๊งโทรหลอก แต่มันคือ "สงครามระดับประเทศ" ที่ถ้าเราสู้แบบทุกวันนี้ เท่ากับเราแพ้พังพินาศย่อยยับ จากนี้ไปประเทศไทยต้องยกระดับการสู้กับแก๊งสแกมเมอร์ให้เท่าทันโลก โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง Network Analytics และ Blockchain Tracing เพื่อตรวจเส้นทางเงินที่ไหลซ่อนอยู่ใต้ดิน ทำงานเป็นทีมทุกหน่วยงานต้องเชื่อมข้อมูลกัน ทั้งธนาคาร หน่วยงานรัฐ ตลาดทุนไปจนถึงแพลตฟอร์มการจ่ายเงิน และปิดรูโหว่ระบบดิจิทัลด้วยมาตรการ KYC / AML ที่รัดกุมและต้องร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและกลุ่มประเทศมหาอำนาจที่ดีเพื่อหยุดเส้นทางฟอกเงินข้ามพรมแดน
ถึงเวลาแล้ว คนไทยทุกคน ลุกขึ้น "สู้ด้วยข้อมูล เทคโนโลยี และความร่วมมือ" เพื่อปกป้องประเทศจากขบวนการสแกมเมอร์ยุคใหม่และที่ร้ายกว่าสแกมเมอร์ที่กำลังท้าทายกลุ่มผู้รักชาติแท้จริง นี่ไม่ใช่แค่ภัยความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แต่มันคือการแทรกซึมโครงสร้างประเทศและทำลายล้างประเทศ ไทยจะไปต่อไม่ได้ ถ้าโลกดิจิทัลไม่ปลอดภัย นี่คือ สงครามเงียบที่ต้องมีการ เป่าแตร ปลุกคนไทยทั้งประเทศลุกขึ้นสู้พร้อมกัน