ข่าว

"วรภัค" แจงยิบปมถูกใส่ร้ายเอี่ยวสแกมเมอร์-นอมินี รวมถึงความสัมพันธ์เบนจามิน

"วรภัค" แจงยิบปมถูกใส่ร้ายเอี่ยวสแกมเมอร์-นอมินี รวมถึงความสัมพันธ์เบนจามิน

22 ต.ค. 2568

"วรภัค" ปฏิเสธเอี่ยวสแกมเมอร์ ยอมรับรู้จักเบนจามินจริง แต่ในฐานะผู้ปกครอง ยืนยัน 30 ปีทำงานด้วยความสุจริต ตรวจสอบได้ ล่าสุดขบวนการใส่ร้ายลามยังภรรยา

22 ต.ค. 2568 นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงถึงกระแสข่าวการถูกโยงเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์และความสัมพันธ์นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ (Benjamin Mauerberger) ระบุว่า ขอบคุณทุกคนที่มาฟังตนแถลง ข้อเท็จจริงในเรื่องข่าวใส่ร้ายป้ายสีที่เกิดขึ้นในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ถ้าตนไม่มารับตำแหน่งทางการเมืองก็คงไม่เป็นข่าวอะไร เป็นเรื่องปกติที่ทำธุรกิจและลงทุน ซึ่งตนเพิ่งวางจากภารกิจ ยังไม่มีโอกาสมาชี้แจงข้อเท็จจริงใดๆ วันนี้ขออนุญาตชี้แจงข้อเท็จจริงจากข่าวที่บิดเบือนใส่ร้ายป้ายสีตนว่า พัวพันกับแก๊งหลอกลวงต้มตุ๋นฟอกเงินธุรกิจผิดกฎหมาย

 

 

ประวัติและภูมิหลังการทำงาน

ตนเองมีประสบการณ์ในแวดวงการเงินการธนาคารมากว่า 30 ปี ถือเป็นหนึ่งในคนไทยที่ได้รับโอกาสและความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในสถาบันการเงินชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านการดำรงตำแหน่งระดับผู้บริหารธนาคารและสถาบันการเงินมามากมาย ได้แก่ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ Bank of Armerica (ประเทศไทย) อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ JP. Morgan Chase (ประเทศไทย) อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (จนถึงปี 2559)

 

ต่อมาหลังเกษียณตนก็มักชอบเขียนและแชร์บทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเงินการธนาคารมาอย่างต่อเนื่องหลายปีและได้รับเชิญเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทที่ปรึกษาระดับโลกและเป็นโค้ชให้ธนาคารในภูมิภาคหลายแห่ง

กระทั่งปี 2567 เป็นคณะที่ปรึกษาของนายพิชัย ชุณหวชิร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ตนมาช่วยงานด้านการเมืองและยังไม่มีตำแหน่งทางการเมืองเต็มตัว พอมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในปีนี้ ตนได้รับเกียรติให้เข้ารับตำแหน่ง "รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง" ในรัฐบาลปัจจุบันเพื่อทำงานรับใช้ประเทศชาติ ทั้งๆที่ส่วนตัวไม่เคยมีความทะเยอทะยานทางการเมืองใดๆทั้งสิ้น อยากเพียงแค่ใช้ความรู้ประสบการณ์ทำงานให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติเท่าที่จะทำได้ 

 

\"วรภัค\" แจงยิบปมถูกใส่ร้ายเอี่ยวสแกมเมอร์-นอมินี รวมถึงความสัมพันธ์เบนจามิน


กรณีพาดพิงขบวนการสแกมเมอร์การฟอกเงินและธุรกิจผิดกฎหมายในกัมพูชา


นายวรภัค ยืนยันไม่เคย มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับกระบวนการหลอกลวง ต้มตุ๋นหรือธุรกิจผิดกฎหมายใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะในกัมพูชาหรือที่ใดในโลกนี้เลย มีการพยายามโยง  B.I.C. Group และ BIC Bank (B.I.C. (Cambodia) Bank Plc.)กัมพูชา ไปเกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวงต้มตุ๋น ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ตนไม่อาจทราบได้ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้อง  ซึ่งคงต้องให้กระบวนการยุติธรรมเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง ตนเองไม่สนับสนุนธุรกรรมผิดกฎหมายและจะไม่ปกป้องใครที่ทำผิดกฎหมายในประเทศไทยทั้งสิ้น ส่วนตัวที่เคยพบกับผู้บริหารของ BIC Bank ที่เป็นประธานกรรมการของธนาคารชื่อ MR.Yim Leak (ยิ้ม เลียก) ตนเคยพบ แต่ไม่เคยเป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาใดๆของ BIC Bank ไม่เคยได้รับเงินหรือผลตอบแทนใดๆ การที่เขาเอารูปและชื่อของตนไปลงเป็นที่ปรึกษาของกลุ่มธนาคารนั้น ตนไม่เคยทราบมาก่อน แต่พอมีคนมาบอก ตนเข้าไปดู ก็พบว่าทางนั้นนำออกไปแล้ว

ความสัมพันธ์กับนายเบนจามิน

ยอมรับรู้จักกัน เพราะลูกเรียนชั้นเดียวกัน โรงเรียนเดียวกันในเมืองไทย ซึ่งตนเข้าใจว่าเขาอยู่ในเมืองไทยมา 20 กว่าปี ยืนยันรู้จักกันในฐานะผู้ปกครองและไม่เคยทราบลึกๆว่า เขามีธุรกิจอะไรอย่างไรหรือมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจอย่างไรกับMR.Yim Leak ที่ถูกพาดพิงในข่าว เพราะตนกับนายเบนจามิน รู้จักในฐานะผู้ปกครอง ตั้งแต่ลูกเด็กๆจนตอนนี้เข้ามหาวิทยาลัยไปแล้วทั้งคู่

 

 

กรณีพาดพิงเป็นนอมินีเชื่อมโยงกับบริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส (Finansia Syrus : FSS) ผ่าน Pilgrim Finansa 

ตนกระผมได้เข้าซื้อหุ้น 29% ของ บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ซึ่งเป็นธุรกรรมที่ถูกต้องตามกฎหมายและกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทุกประการ ซึ่งเป็นการซื้อกิจการในลักษณะที่เรียกว่า manapernent buy out 

 

อีกนัยหนึ่ง ก็คือ ผู้บริหารที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการบริหารกิจการของบริษัทนั้น ๆ (คือกระผมและคุณช่วงชัย) เห็นโอกาสในการซื้อหุ้นราคาเหมาะสมเพื่อมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทเติบโตและมีกำไรสูงขึ้นเพื่อราคาหุ้นที่ดีขึ้น ในอนาคตและมีผู้สนับสนุนทางการเงิน อาทิ ธนาคารหรือกองทุนที่มองเห็นว่า หุ้นที่ซื้อมาราคาไม่แพงและมีโอกาสเติบโตได้ในอนาคตคุ้มกับความเสี่ยงในการสนับสนุนทางการเงิน ซึ่งธุรกรรมการกู้เงินมาซื้อหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์นี้เป็นเรื่องปกติถ้าธนาคารหรือผู้กู้เข้าใจมูลค่าหุ้นที่นำมาเป็นหลักประกัน

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้น 29 % ที่กระผมและคุณช่วงชัยซื้อมา ถือว่าเป็น controlling stake ของบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ที่มีส่วนแบ่ง ทางการตลาด ขณะนั้นเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย รวมทั้ง บริษัทหลักทรัพย์ฟินันซาที่เป็นวาณิชธนกิจ อันดับต้น ๆ ของประเทศไทยมาอย่างยาวนานกระผมและคุณช่วงชัย (CEO) ซื้อหุ้นผ่านบริษัท Pilgrim Finansa (ถือหุ้นร่วมกันในสัดส่วน 60 : 40) และทำ Mandatory Tender Offer ตามกฎหมาย

 

ในการซื้อหุ้นในครั้งนั้น ตนได้รับการสนับสนุน 2 ส่วน คือ ในส่วนที่ซื้อหุ้นและในส่วนที่ต้องเตรียมทำคำเสนอซื้อหุ้น (tender offer) ซึ่งส่วนแรกเป็นเงินกู้จากกองทุนในสิงคโปร์ชื่อ Capital Asia Investment (CAI เป็นบริษัทจัดการกองทุน ภายใต้การกำกับดูแลของ MAS ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาล Investment and Financial Services Sole Co., Ltd." และอีก 30% โดยบริษัทการไฟฟ้าลาว เพื่อเตรียมการเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายอื่น ทั้งนี้ วงเงินจาก BIC Laos เป็น standby facility เพื่อทำ tender แต่เนื่องจากไม่มีผู้มาขายใน tender จึงไม่มีการใช้วงเงินนี้ BIC Bank Lao และ BIC Bank Camboda มีความเกี่ยวพันมาอย่างไรจากในอดีต

 

ถึงใช้ชื่อคล้ายกันนั้นกระผมไม่ทราบ กระผมทราบแต่เพียงว่า ในปัจจุบันนั้นความเป็นเจ้าของและการบริหารจัดการนั้นแยกกันเด็ดขาด BIC Bank Lao ดำเนินกิจการมานานแล้วเป็นธุรกิจธนาคารที่ค่อนข้างอยู่ตัวแล้ว ผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจชาวลาวและบริษัทการไฟฟ้าลาว และเท่าที่หาข้อมูลได้ BIC Bank Cambodia ที่อยู่ในประเทศกัมพูชานั้น ถือหุ้นใหญ่โดย บริษัท Apsara Holdings 99% และ Mr. Yim Leak 1 %

 

หลังจากกรรมและคุณช่วงชัยเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ฟิมันเซีย ในปี พ.ศ.2564 กระผมและคุณช่วงชัยได้ดำเนินการปรับโครงสร้างบริษัทโดยจ้าง McKinsey & Co. เป็นที่ปรึกษา เพื่อทำ Digtal Transformation พัฒนาให้เป็นองค์กรดิจิทัล แต่การปรับปรุงองค์กรไม่เร็วอย่างที่กระผมคาด จนเมื่อปลายปี พ.ศ.2567 กระผมได้ตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดให้กับคุณช่วงชัย หุ้นส่วนเดิมของกระผม และลาออกจากตำแหน่งกรรมการทุกตำแหน่งในบริษัท หลังจากนั้นกระผมไม่เคยมีความเกี่ยวข้องใด ๆ ในการถือหุ้นหรือในการบริหารบริษัท Finansia อีก

 

ส่วนคุณช่วงชัยชายหุ้นให้ใครหรือมีการเพิ่มทุนอีกหรือไม่ผมเองก็ไม่ได้ติดตามข่าว ซึ่งการที่บุคคลใดจะนำชื่อของผมในอดีตไปเชื่อมโยงกับบุคคลหรือเครือข่ายใดในภายหลัง ดังนั้น การคาดเดา กล่าวอ้างหรือกล่าวเท็จเรื่องในความคิดตัวเองว่ากระผมเป็น Nominee หรือเป็นฟันเฟืองสำคัญของกระบวนการ scammer ถือเป็นการใส่ร้ายป้ายสีและบิดเบือนข้อเท็จจริง

 

ขบวนการใส่ร้ายป้ายสี ล่าสุด ยังได้เหิมเกริม ใส่ร้ายด้วยข้อมูลเท็จ กับภรรยาของกระผม ว่าได้รับผลประโยชน์เป็นเงินคริปโตจำนวนหลายล้านเหรียญ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด กระผมขอยืนยันว่า ภรรยาของกระผมไม่เคยมีบัญชีคริปโตใด ๆ ทั้งสิ้นทั้งในอดีตและปัจจุบัน และไม่เคย ได้รับผลประโยชน์โดๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้เลย

 

ยืนยันไม่เกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้้น 


นายวรภัค ระบุว่า ขอชี้แจงจุดยืนส่วนตัวและทางการเมือง ขอปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ใส่ร้ายป้ายสีทั้งหมดอย่างชัดเจนว่า ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีผลประโยชน์ร่วมกับกลุ่มบุคคลหรือขบวนการที่เกี่ยวข้องกับแกมเมอร์ต่างๆหรือขบวนการต้มตุ๋นหลอกลวงเศรษฐกิจผิดกฎหมายใดๆทั้งสิ้น ประวัติการทำงานไม่เคยเฉี่ยวไปแม้แต่นิดเดียวในธุรกิจพวกนั้น ตนมีประวัติการทำงานและจรรยาบรรณที่โปร่งใสตรวจสอบได้มาตลอด 30 ปี ในแวดวงการเงินทั้งระดับสากลและในองค์กรต่างชาติและองค์กรรัฐขนาดใหญ่ของไทย โดยเฉพาะใครที่เคยทำงานกับผมเป็นลูกน้องเป็นเพื่อนร่วมงานหรือเป็นลูกค้า คนพวกนั้นยืนยันได้ว่าตนทำงานอย่างไรใช้ชีวิตอย่างไร ในปัจจุบันผมทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ข้าราชการกระทรวงการคลังที่มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับผมมากกว่า 1 ปีก่อนหน้านี้รวมทั้งในปัจจุบันจะสามารถยืนยันได้ว่าผมทำงานอย่างไร

 

หลังจากนี้ตนขอสงวนสิทธิ์ดำเนินทางกฎหมายอย่างจริงจังกับผู้ที่บิดเบือนและเผยแพร่ข้อมูลเท็จที่ทำให้เสียชื่อเสียง ตนพร้อมให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด เนื่องจากไม่มีสิ่งใดต้องปิดบัง ตนเชื่อมั่นในหลักนิติธรรมและจะยืนหยัดในความจริงเพื่อปกป้องชื่อเสียงส่วนบุคคลและเกียรติของตำแหน่งทางการเมืองที่ได้รับมอบหมาย