ข่าว

นครบาลบุกรวบ 7 ต่างชาติ 1 คนไทยคาร้านตัดผมบังหน้าขายยาเสพติด

นครบาลบุกรวบ 7 ต่างชาติ 1 คนไทยคาร้านตัดผมบังหน้าขายยาเสพติด

16 ต.ค. 2568

ตำรวจนครบาล บุกจับกุม 7 ต่างชาติ 1 คนไทย คาร้านตัดผมย่านนานา ด้วยสโลแกน "ซื้ดเดียวถึงยอดพีระมิด" พร้อมเซอร์วิส "ห้องลับ" หลังร้าน

16 ต.ค. 2568 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่างรอง ผบก.สส.บช.น. ร่วมกับ พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดาผบก.สปพ. นำกำลังเจ้าหน้าที่ ศอ.ปส.บช.น. และ บก.สส.บช.น. "ปฏิบัติการทลายรังแขก" จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสิ้น 8 ราย

 

 

พฤติการณ์ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วยสแกนพื้นที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศ โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก โดยเน้นตรวจสอบสถานบันเทิง และจุดรวมกลุ่มนักท่องเที่ยว เพื่อป้องกันไม่ให้มีการมั่วสุมเสพยาเสพติดหรือลักลอบกระทำความผิด ดั่งเช่นกรณีเหตุจับ 4 ชาวอิสราเอล จัดปาร์ตี้มั่วสุมเสพยาเสพติดในวิลล่า บนเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 68 เวลา 04.30 น. ที่ผ่านมา ถือเป็นมาตรการยกระดับความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและเป็นยอมรับในระดับสากล ตามนโยบายรัฐบาลที่มุ่งเน้น “การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ซึ่งต่อมา พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดชธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. “ส่งชุดลาดตระเวน On Ground” ในทันที 

นครบาลบุกรวบ 7 ต่างชาติ 1 คนไทยคาร้านตัดผมบังหน้าขายยาเสพติด

โดยคัดเลือกสายสืบอำพรางเป็นนักท่องเที่ยว ลงพื้นที่ย่านนานาเพื่อหาเบาะแส กระทั่งได้มาถึงบริเวณ ซ.สุขุมวิท 3 พบกลุ่มชายชาวต่างชาติ (แขกขาว) จำนวนหลายคนลักษณะมีพิรุธ คอยชักชวนนักท่องเที่ยวเข้าไปในอาคารพาณิชย์ทั้งที่สภาพอาคาร โดยมีชายชาวต่างชาติ (แขกขาว) รูปร่างสูงใหญ่ 2 คน เข้ามาทักและชักชวนตำรวจอำพรางให้ซื้อยาเสพติด เปิดบทสนทนาด้วยจุดเด่นของสินค้า "เพียงแค่ซื้ดครั้งเดียวก็ทำให้ได้ไปอยู่บนยอดพีระมิดได้เลย" อันเป็นคำเชิญชวนที่มัดใจเหล่าลูกค้านักท่องเที่ยวที่ผ่านไปผ่านมาได้เป็นอย่างดี 

 

ก่อนถูกพาตัวเข้าไปในตึก เมื่อเข้าไปภายในอาคารพบว่าเป็นอาคารพาณิชย์ 5 ชั้น เมื่อขึ้นไปชั้น 5 บนสุดของตึก พบร้านตัดผมชาวอาหรับเปิดบังหน้า ซึ่งมีห้องลับอยู่ด้านหลัง เมื่อผ่านเข้าไปแล้วเสมือนทะลุไปยังมิติอื่น จากนั้นได้นำยาเสพติดขึ้นมาให้ตำรวจอำพลางรับชม ก่อนจะยื่นของกลางยาเสพติดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอำพลางก่อนเสนอขายราคาเม็ดละ 2,000 บาท ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในการมอนิเตอร์ของ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. จึงได้สั่งการให้บุกทลายในทันที

นครบาลบุกรวบ 7 ต่างชาติ 1 คนไทยคาร้านตัดผมบังหน้าขายยาเสพติด

ต่อมาวันที่ 15 ต.ค. เวลา 23.00 น. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช นำกำลัง ศอ.ปส.บช.น. "เปิดปฏิบัติการทลายรังแขก" ส่งชุดสืบสวนนับสิบชีวิตบุกเข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ ซ.สุขุมวิท 3 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา จ.กรุงเทพฯ ทว่ากลุ่มคนร้ายมีการซุกซ่อนยาเสพติดไว้เป็นอย่างดี ประสาน พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผบก.สปพ. จึงได้นำสุนัขดมกลิ่น 2 นาย นามว่า จีจี้ และ อาลฟ่า มาช่วยภารกิจตรวจค้น

 

 

จนกระทั่งได้พบว่า มีการซุกซ่อนยาเสพติดไว้ในแกนกลางของเครื่องปั่นน้ำผลไม้และยังตรวจค้นพบ สิ่งผิดกฏหมายหลายรายการ โดยภายในอาคารนี้เป็นที่ซ่องสุมของกลุ่มชายชาวต่างชาติ (แขกขาว) เป็นจำนวนมาก โดยจับกุมตัวทั้งขบวนการเป็นจำนวน 8 คน โดยจากการขยายผลการจับกุมมีการซักทอดไปถึงชาวอาหรับรายหนึ่ง

 

     

ในชั้นจับกุม Mr.Mina Farouk ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า "กลุ่มของตนเป็นชาวอาหรับที่มาทำงานเป็นลูกจ้างเท่านั้น หัวหน้าของตนนั้นคือ นางฉลองขวัญฯ และชาวอาหรับรายหนึ่ง นามว่า "ยาซิม" ซึ่งมีใบหน้าเหมือนตัวละคร มินนี่มี จากภาพยนตร์ ออสตินพาวเวอร์ ตนเองนั้นเป็นเพียงคนเรียกแขกเพื่อมาเสพยาเพียงเท่านั้น”

ในชั้นจับกุม นางฉลองขวัญฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในร้าน เพียงแค่ขายกัญชา และเปิดร้านทำผมเท่านั้น ส่วนของที่ผิดกฎหมายทั้งหมดในอาคารตนขอปฏิเสธ ของผิดกฏหมายทั้งหมดเป็นของคนอื่น”

       

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า จากการขยายผลการจับกุมพบว่า กลุ่มชายชาวแขกขาวกลุ่มนี้ ร่วมกันทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำหลายหน้าที่ โดยเมื่อเจาะลึกลงไปแล้วยังพบว่าเกี่ยวข้องไปถึงการกระทำความผิดในรูปแบบอื่นนอกเหนือจากการจำหน่ายยาเสพติดซึ่ง และจากเบาะแสยังพบว่าชาวอาหรับบางส่วนในพื้นที่ย่านนานา มีพฤติกรรมลักษณะเป็นผู้มีอิทธิพล สร้างความหวาดกลัวให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยว และยังสร้างความเอือมระอาให้กับประชาชนคนไทยในพื้นที่ อันเป็นการทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ได้สั่งการให้ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในลักษณะนี้ทั่วพื้นที่นครบาล และจะมีบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขยายผลให้ถึงที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทย ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.”

 

1.MR.Mina farouk sorian khalil อายุ 41 ปี สัญชาติอียิปต์ ถูกจับกุมตัวในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 โดยไม่ได้รับอนุญาต (เพื่อจำหน่าย)”

2.Mr.Maw hain draa อายุ 22 ปี สัญชาติเมียนมาร์ หมายเลขประจำตัวประชาชน(เมียนมาร์) 00 1024 1234808 ถูกจับกุมตัวในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 โดยไม่ได้รับอนุญาต (เพื่อจำหน่าย)”

3.Mr.AHMAD HASHIR อายุ 30 ปี สัญชาติปากีสถาน หมายเลขหนังสือเดินทาง WP1177821 ถูกจับกุมตัวในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต, เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานในอาชีพต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าว (ช่างตัดผม)”

4.นาย MOHAMMAD KEZA KHADIMIอายุ 21 ปี สัญชาติอัฟกานิสถาน ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”

5.นาย AL MANSURY SAJJAD SALWAอายุ 25 ปี สัญชาติอิรัก ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”

6.นางสาว OHN HTEE อายุ 40 ปี สัญชาติเมียนมาร์ ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยที่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด”

7.Mr.Gil Yasir อายุ 30 ปี สัญชาติปากีสถาน ในข้อหา “ซ่อนเร้น จำหน่าย ช่วย พาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นสิ่งของต้องห้ามนำเข้าราชอาณาจักร ตามมาตรา 242 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560”

8.นางฉลองขวัญ รุ่งเจริญ อายุ 50 ปี สัญชาติไทย หมายเลขประจำตัวประชาชน 3100203609348 ถูกจับกุมตัวในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 โดยไม่ได้รับอนุญาต (เพื่อจำหน่าย) , เป็นนายจ้างรับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน หรือให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้, ร่วมกันนำของต้องเสียภาษีสรรพสามิตเข้ามาในราชอาณาจักร โดยไม่ชำระภาษี, มีไว้เพื่อจำหน่าย หรือจำหน่ายสินค้าต้องเสียภาษีที่ยังไม่ได้เสียภาษี”

ตรวจยึดของกลางได้ 11 รายการ ดังนี้

1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) จำนวน 4 เม็ด

2.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวน 4 ถุง น้ำหนัก 3.3 กรัม

3.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (โคเคน) จำนวน 2 ถุง น้ำหนัก 1.7 กรัม

4.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 2 เม็ด

5.เห็ดเมา จำนวน 7 ซอง

6.เตาและหม้อบารากุ 23 หม้อ

7.บุหรี่แบบอม (Snuff) จำนวน 55 กล่อง

8.บุหรี่เถื่อน จำนวน 125 ซอง

9.สมุดบัญชีธนาคาร 3 เล่ม

10.เงินสด จำนวน 125,000 บาท

11.เงินสดจากการล่อซื้อ 4,000 บาท

 

โดยจับกุมได้ที่ : อาคารพาณิชย์ในซอยสุขุมวิท 3 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา จ.กรุงเทพฯ

 

 

นครบาลบุกรวบ 7 ต่างชาติ 1 คนไทยคาร้านตัดผมบังหน้าขายยาเสพติด