
เหยื่อสาวร้อง ถูกร่างทรงพญานาคจอมปลอม หลอกเชื่อมบุญเช่าวัตถุมงคล แล้วชีวิตปัง
ผู้เสียหายร่วมตัวร้อง ถูกขบวนการร่างทรงพญานาคจอมปลอมหลอกเชื่อมบุญ เช่าวัตถุเทพ แล้วชีวิตจะดี แต่กลายเป็นพัง ต้องกู้เงินมาเช่า สูญเงินร่วมกันกว่า 20 ล้านบาท
6 ต.ค. 2568 นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 46 ปี เจ้าของคลินึกทำฟัน พร้อมผู้เสียหายอีก 3 ราย นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนกับว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมฯ และ นางชฎาภรณ์ พงศ์ทอง ที่ปรึกษามูลนิธิญ นายชาญชัย ฉายบุ ทนายความมูลนิธิฯ ว่าได้ถูกขบวนการ "ร่างทรงพญานาค" หลอกขายแหวนและวัตถุมงคลต่างๆ จากหญิงสาวรายหนึ่งที่อ้างตนเป็นผู้วิเศษเป็นเมียของพญานาคสามารถติดต่อกับเทพสื่อสารผ่านตนเองได้ จนหลงเชื่อเช่าบูชาวัตถุมงคลตั้งแต่หลัก พันบาทถึงหลายแสนบาท มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก สูญเงินร่วมกันกว่า 20 ล้านบาท
นางเอ เล่าว่า ตนเป็นคนที่มีความเชื่อเรื่องพญานาคอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อปี 2562 คนได้รู้จักกับขบวนการดังกล่าวจากเพจเฟซบุ๊กที่มีการโฆษณาว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นร่างทรงสามารถติดต่อกับพญานาคและเทพพระอินทร์ได้ เพราะร่างทรงเป็นเมียของพญานาค นอกจากนี้ยังมีลูกศิษย์เป็นดาราชื่อดังหลายคนมากราบไหว้และเช่าวัตถุมงคล จึงหลงเชื่อติดต่อเข้าไปทางเพจ ครั้งแรกทั้งร่างทรงและแอดมินเพจดังกล่าวก็บอกกับตนว่า องค์พญานาคอยากไปอยู่ด้วยให้เช่าบูชาวัตถุมงคลไปในราคา 3,999 บาท หลังจากนั้นก็โดนหลอกให้เช่าวัตถุมงคลมาเรื่อย จากหลักพันเป็นหลักหมื่นจนมาถึงหลักแสนบาท
นอกจากนี้ยังต้องจ้างแต่งเพลงเพื่อไปเปิดรำถวายให้กับพญานาคอีก 50,000 บาท โดยเขาอ้างว่าพญานาคเบื่อเพลงรำถวายเพลงเก่าแล้ว จนตนสูญเงินไปกว่า 1 ล้านบาท แต่ชีวิตก็ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นมาตามที่ขบวนการนี้อวดอ้างสรรพคุณอิทธิฤทธิว่า ทำแล้วชีวิตจะเจริญรุ่งเรื่อง มีเงินมีทอง ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข แต่ตรงกันข้ามตนเกือบถูกสามีไล่ออกจากบ้านที่ไปหลงเชื่อเสียเงินเสียทองเสียเวลาให้กับขบวนการดังกล่าว
หลังเริ่มรู้สึกตัวว่าตนน่าจะถูกหลอกจึงเข้าไปสอบถามเพื่อนในกลุ่มลูกศิษย์ขบวนการนี้ก็พบว่า มีคนถูกหลอกลักษณะเดียวกันกับตนหลายสิบรายร่วมมูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งของที่เขานำมาให้พวกตนเช่าบูชาหลักหมื่นหลักแสนทั้งสร้อย กำไล แหวน เพรชพลอยพญานาค ถ้าไปซื้อในออนไลน์ราคาแค่ 199 บาท จึงร่วมตัวกันมาร้องเรียนกับทางมูลนิธิให้ช่วยเหลือ
ด้านว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ กล่าวว่า หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายว่า ถูกขบวนการดังกล่าวหลอกให้ซื้อวัตถุมงคลในราคาตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท โดยกลุ่มร่างทรงอ้างว่าการบูชาเหล่านี้จะช่วยให้ร่ำรวย มีโชคลาภ หรือเปลี่ยนดวงชะตาให้ดีขึ้น แต่ในความเป็นจริง ผู้เสียหายกลับหมดตัว บางรายถึงขั้นกู้หนี้ยืมสินเพื่อจ่าย "ค่าครูเทวดา" หรือ "ค่าถวายเทพ" ที่ไม่มีอยู่จริง
การกระทำในลักษณะนี้อาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และอาจเข้าข่ายการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยหลังจากนี้จะรวบรวมเสียหายทั้งหมดที่ถูกหลอกไปยื่นเรื่องที่กองบังคับการปราบปราม ให้ดำเนินคดีขบวนการร่างทรงดังกล่าวต่อไป