
สรุปเหตุ ปล้นในห้างดัง สุไหงโก-ลก คนร้ายกวาดทองรูปพรรณ กว่า 400 บาท
สรุปเหตุ ปล้นในห้างดัง สุไหงโก-ลก คนร้ายกวาดทองรูปพรรณ กว่า 400 บาท โปรยตะปูเรือใบ เปิดทางหนี ด้าน ทบ. คาดวางแผนล่วงหน้า
สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.นราธิวาส อัปเดตเหตุคนร้ายปล้นทอง เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2568 เมื่อเวลา 18.30 น. มีคนร้ายประมาณ 10 คน แต่งกายด้วยชุดสีดำ อำพรางใบหน้า นั่งมาบริเวณท้ายกระบะและในรถยนต์กระบะ 2 คัน เข้ามาภายในบริเวณหน้าสรรพสินค้าชื่อดัง เมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
โดยคนร้ายกลุ่มหนึ่งได้บุกเข้าไปภายในห้างฯ อย่างรวดเร็ว ตรงเข้าไปควบคุมตัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของห้างฯ จากนั้นได้บุกเข้าไปยังร้านทอง และใช้อาวุธ (ไม่ทราบชนิด) ข่มขู่พนักงาน แล้วลงมือกวาดทองรูปพรรณในตู้โชว์ มูลค่าประมาณ 400 บาท ก่อนจะวิ่งหลบหนีออกจากห้างฯ ไปขึ้นรถกระบะที่จอดรออยู่แล้วขับหลบหนีไป
ทั้งนี้ ระหว่างหลบหนีได้มีคนร้ายอีกจำนวนหนึ่ง โปรยตะปูเรือใบ และวางวัตถุต้องสงสัย 2 จุด ตามเส้นทางหลบหนีที่แยกยูเทิร์นห้างฯ และแยกอรกานต์ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปิดเส้นทางขาเข้าและขาออกทั้ง 2 จุด เพื่อตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุต้องสงสัย
จากเหตุดังกล่าวมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คือ
1.ส.อ.บุรินศวร์ ระดาชัย อายุ 27 ปี กระสุนแฉลบบริเวณคอ กระสุนทะลุอกขวาและบริเวณขา
2.นายจีรศักดิ์ อายุ 30 ปี เพศชาย อยู่ในอาการตกใจเนื่องจากคนร้ายจับเป็นตัวประกัน
ด้าน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ปัจจุบันกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกส่วน เร่งติดตามเส้นทางการหลบหนีของกลุ่มผู้ก่อเหตุเพื่อนำมาดำเนินคดีโดยเร็ว
เนื่องจากพบว่าผู้ก่อเหตุได้มีการกระทำในลักษณะการวางแผนมาล่วงหน้า ทั้งการโจรกรรมรถยนต์ของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในการก่อเหตุ ได้แก่ รถกระบะอีซูซุ ดีแม๊กซ์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กค 6521 นราธิวาส และรถกระบะ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บท 7187 ปัตตานี
รวมทั้งการตรวจพบวัตถุต้องสงสัยเพิ่มเติมในเส้นทางการหลบหนีของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ทั้งระเบิดแสวงเครื่อง บริเวณยูเทิร์นหน้าห้างฯ พร้อมกับการวางตะปูเรือใบ บนถนนบ้านโต๊ะลือเบ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ซึ่งคาดว่าเพื่อเป็นการสกัดกั้นการติดตามของเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการประกอบกิจกรรมต่างๆ ซึ่งหากพบเบาะแสของกลุ่มผู้เหตุสามารถแจ้งผ่านทางสายด่วนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าได้ในทันที
สำหรับ สิบเอก บุริศวร์ ระดาชัย ซึ่งปัจจุบันได้นำส่งโรงพยาบาล เพื่อรับการรักษาจากทีมแพทย์ จนมีอาการปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อย